10 ซอฟต์แวร์จัดการโปรเจคที่ดีที่สุด: เปรียบเทียบในปี 2025

monday.com มอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการใช้งานที่ง่ายและฟังก์ชันการทำงานที่ครบถ้วน บริการนำเสนอ 14 ตัวเลือกในการรับชมงานของคุณ (ไม่การตัวเลือกการรับชมจากแอปของบุคคลที่สามและฟังก์ชั่นเฉพาะ) เทมเพลตคุณภาพสูงกว่า 200 แบบและฟีเจอร์ทุกอย่างตั้งแต่การจับเวลา การทำงานอัตโนมัติ ไปจนถึงการแชร์ไฟล์ขั้นสูง

monday.com นั้นจะแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตรงที่มันได้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีคุณสมบัติและความสามารถใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง ชุดเครื่องมือ AI ใหม่ของมันจะมีรวมเอาไว้ในทุกแผน สามารถตั้งค่าการทำงานอัตโนมัติ มอบข้อมูลเชิงลึก และจัดการทรัพยากรเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แรงงานดิจิทัลที่พร้อมจะสนับสนุนธุรกิจของคุณ 24 ชั่วโมงก็จะเริ่มมีให้ใช้งานได้ภายในสิ้นปีนี้ด้วย นี่หมายความว่าคุณจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยเลย แต่คุณอาจจะต้องพยายามมากขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะเข้าใจวิธีใช้งานทุกอย่างที่ monday.com มีให้

อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกสนับสนุนที่ใช้งานได้ดีจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าแม้แต่สมาชิกในทีมของคุณที่ไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีก็จะสามารถใช้งาน monday.com ได้ คุณสามารถสมัครใช้แผนระดับฟรีได้ แต่มันก็มีตัวเลือกที่ดีกว่า monday.com นั้นมีให้ทดลองใช้ฟรี 14 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ดังนั้นคุณจะสามารถลองใช้คุณสมบัติระดับ Pro ทั้งหมดได้ก่อนที่จะผูกมัดกับแผนแบบจ่ายเงิน

หลังจากที่ใช้เวลาหลายเดือนไปกับการทดสอบซอฟต์แวร์การจัดการโครงการทุกรูปแบบ เราก็สามารถบอกได้เลยว่า Smartsheet นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีคุณสมบัติอัดแน่นที่สุด มันดูเน้นรูปแบบของนักบัญชีมากไปหน่อยด้วยปุ่มสีเทา ๆ และมุมที่ดูแหลม ๆ และมันก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้สักพัก แต่หลังจากที่คุณชินกับมันแล้ว มันก็ใช้งานง่ายมาก ๆ

หากคุณต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมาก Smartsheet มีเครื่องมือที่จะช่วยคุณจัดระเบียบทุกอย่าง คุณสามารถสร้างรายงานด้วยข้อมูลจากเอกสารใดก็ได้ เพิ่มการพิสูจน์เวลาในไฟล์วิดีโอ ป้อนคำตอบจากแบบฟอร์มลงในสเปรดชีตอัตโนมัติและฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย

ในขณะที่ Smartsheet มีการสื่อสารแบบเรียลไทม์ผ่านการแสดงความคิดเห็น, @messaging และการแจ้งเตือน แต่ถ้ามันมีคุณสมบัติการแชทในตัวสำหรับทุกแผน มันก็จะดีกว่านี้ ในปัจจุบันจะมีเฉพาะส่วนเสริม Resource Management ซึ่งรวมอยู่ในแผน Business หรือมีให้ในกรณีที่จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มในแผนขั้นพื้นฐานเท่านั้นที่จะมีแชทแบบเรียลไทม์ให้ ถึงอย่างนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Smartsheet นั้นดีมากจริง ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องของการจัดการโครงการ

Teamwork มีฟีเจอร์ไม่มากเท่ากับเครื่องมืออื่นๆ ในรายการนี้ แต่นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดี หากคุณไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือการจัดการโปรเจค Teamwork เป็นตัวเลือกการเริ่มต้นที่ดี

ไม่ใช่ว่ามันขาดอะไรสำคัญ ๆ ไปด้วย เราใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีในการตั้งค่าโครงการ ที่มีแดชบอร์ดแบบปรับแต่งเอง มีมุมมองแบบแกนต์และมีบันทึกเวลา คุณสมบัติติดตามงานนั้นมีความโดดเด่นมาก เนื่องจากมันจะคอยอัปเดตทีมงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของงาน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการจัดสรรให้ดำเนินการใด ๆ ก็ตาม และเครื่องมือประสานงานกับลูกค้าของมันก็ดีมาก ๆ

Teamwork นั้นอาจจะมีราคาที่ค่อนข้างแพงสำหรับงานขนาดเล็ก และคุณก็จะต้องอัปเกรดแผนของคุณถึงจะได้คุณสมบัติอย่างไลฟ์แชทและการติดตามเวลา ดังนั้นเราแนะนำให้คุณสมัครทดลองใช้ฟรีก่อน ไม่ว่าคุณจะต้องการใช้ Teamwork ระยะยาวหรือไม่ก็ตาม เราคิดว่ามันก็ยังเป็นที่ ๆ ดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือการจัดการโครงการอยู่ และใครจะไปรู้? บางทีคุณอาจจะตกหลุมรักมันก็ได้ มันมีอะไรให้รักเยอะเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่ทำงานโดยตรงให้ลูกค้า

Zoho Projects เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสื่อสารในทีมขนาดกลาง คุณสามารถติดต่อกับทีมของคุณผ่านแชท ฟอรัม เพจและความคิดเห็นในตัวสำหรับงานเฉพาะ แต่ละตัวเลือกมีการใช้งานเฉพาะของตัวเอง

ซึ่งให้คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างสมาชิกในทีมเป็นไปอย่างราบรื่นและทั่วถึง ซึ่งยังไม่ได้ผสานรวมกับส่วนที่เหลือของระบบนิเวศของ Zoho ซึ่งจะเปลี่ยนโปรเจคให้เป็นฮับแบบครบวงจรสำหรับทุกความต้องการด้านผลิตภาพของคุณ

ในขณะที่การจัดการโครงการนั้นมีความตรงไปตรงมาและง่ายสำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้น แต่ความยากในการเรียนรู้คุณสมบัติขั้นสูงก็ทำให้ Zoho Projects ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ถ้าการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ หรือคุณเป็นที่ใช้งานแอปเพิ่มประสิทธิภาพของ Zoho อยู่แล้ว Zoho Projects ก็จะเป็นตัวเลือกที่คุณควรคำนึงถึง

Jira เหมาะสำหรับใช้จัดการโปรเจค IT หรือซอฟต์แวร์อย่างมาก บริการออกแบบมาเพื่อทีม Agile สามารถสร้างโปรเจคและรวมแหล่งข้อมุูลเอาไว้ในที่เดียว บริการมีฟีเจอร์มากมายเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากจะมีฟีเจอร์การจัดการโปรเจคแล้ว คุณยังสามารถรวมโค้ดต่าง ๆ ที่ทีมของคุณทำไว้เข้าด้วยกันได้อีกด้วย

คุณยังสามารถปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ของคุณด้วยการแบ่งโปรเจกต์ออกเป็นส่วน ๆ แม้ว่าสิ่งนี้อาจฟังดูขัดกับประสิทธิภาพการทำงานของคุณ แต่มันก็เข้ากันได้ดีกับการทำงานแบบ Agile methodology ตัวอย่างเช่นแทนที่จะต้องเสียสมาธิจากรายงานข้อบกพร่อง คุณสามารถบันทึกสิ่งเหล่านั้นในโครงการแยกต่างหากเพื่อแก้ไขใน Sprint ต่อไปได้

Jira มีอะไรหลาย ๆ อย่างเอาไว้รองรับทีมงานหลายขนาดด้วย มันเหมาะสำหรับทีมงานขนาดเล็กและแบบบุคคล เพราะว่ามันมีแผนฟรีที่ใช้งานได้เหลือเฟือ คุณจะไม่ได้รับคุณสมบัติขั้นสูงที่สุดบางรายการ (อย่างเช่นการควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ) แต่คุณจะได้รับคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการจัดการโครงการ สำหรับทีมที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 10 คน แผนแบบจ่ายเงินของ Jira ก็มีความคุ้มค่าที่ดีมาก ๆ – และคุณจะได้รับส่วนลดต่อจำนวนผู้ใช้งานด้วย ถ้าคุณมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 คน

ClickUp เป็นแพลตฟอร์มการจัดการโปรเจคที่มีความยืดหยุ่นสูง คุณสามารถปรับแต่งบริการให้เหมาะกับความต้องการของคุณได้ ตั้งแต่มุมมองไปจนถึงการทำงานอัตโนมัติ คุณสามารถจัดระเบียบโปรเจคและงานของคุณได้อย่างละเอียด นอกจากนี้คุณยังสามารถทดลองใช้เลย์เอาต์และปรับแต่งสีเพื่อกำหนดหน้าตาของพื้นที่ทำงานของคุณเองได้อีกด้วย

ด้วยฟีเจอร์อย่าง Whiteboards ทีมของคุณสามารถร่วมกันแสดงความคิดเห็นและไอเดียได้ในที่เดียว ClickUp มีแชทในตัว เอกสารและเครื่องมือจับเวลาที่สร้างมาเพื่อทำให้การทำงานของคุณทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวมายังมีให้ใช้ในแผนฟรีอีกด้วย

แล้วมันมีข้อเสียไหม ฟีเจอร์และตัวเลือกในการปรับแต่งจำนวนมากอาจทำให้คุณสับสน โดยเฉพาะเมื่อคุณยังมีประสบการณ์ในการใช้งานไม่มาก แต่ถ้าคุณใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ClickUp นั้นเป็นตัวเลือกบริการการจัดการโปรเจคที่ทรงพลัง หลากหลายและมีราคาไม่แพงอีกบริการนึงเลย

HubSpot เป็นเครื่องมือระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ไม่ใช่การจัดการโครงการ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงไม่ได้ระดับที่สูงกว่านี้ในรายการนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าโครงการ มอบหมายงาน ตั้งค่าการทำงานอัตโนมัติ และสร้างแดชบอร์ดแบบปรับแต่งเองได้ แต่นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของแพลตฟอร์ม

แล้ววัตถุประสงค์หลักของ HubSpot คืออะไร? HubSpot เปิดให้คุณจัดการกระบวนการขายและการตลาดได้ ด้วยซอฟต์แวร์ที่มี AI รองรับของ HubSpot คุณจะสามารถออกแบบแคมเปญที่มีประสิทธิภาพมากกว่า สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า ติดตามเรื่องการเงิน และพัฒนา engagement ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ

คุณจะไม่สามารถเข้าถึงคุณสมบัติการจัดการโครงการได้มากมายนัก เช่น มุมมองไทม์ไลน์ต่าง ๆ หรือการสร้างแผนตั้งต้น แต่ทีมงานที่ใช้ Breeze AI Agents, Copilots และเครื่องมือ Intelligence ของ HubSpot จะสามารถทำงานได้มากกว่าในเวลาที่น้อยลง สามารถพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มรายได้ ถ้าคุณต้องการเครื่องมือ CRM ที่มีเครื่องมือการจัดการโครงการติดมาในตัว HubSpot ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งสองด้านนี้ในราคาของแอปเพียงแอปเดียว

Striven เป็นซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่มีโมดูลสำหรับการจัดการโครงการ, การเงิน, สินค้าคงคลัง, CRM และทรัพยากรบุคคล แม้จะนี่เป็นเพียงส่วนย่อยของชุดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพของ Striven แต่ฟีเจอร์การจัดการโครงการนั้นมีความหลากหลายอย่างมากเลยทีเดียว คุณจะสามารถติดตามงานและเวลาการทำงาน, แผนภูมิ Gantt, เทมเพลตโครงการและร่วมงานกับทีมของคุณได้ในหลายแบบ

อินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่ายของ Striven ทำให้การมอบหมายงาน บันทึกชั่วโมงทำงานหรือสร้างรายงานเพื่อติดตามความคืบหน้าของคุณนั้นทำได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่จัดเก็บเอกสารในตัว ช่วยให้คุณสามารถค้นหาและแชร์ไฟล์ได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ความสามารถหลายด้านของมันนั้นไม่ได้มาในราคาถูก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการฟังก์ชันการจัดการโครงการ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณกำลังมองหาฮับซอฟต์แวร์แบบออลอินวันสำหรับเพิ่มความคล่องตัวให้การดำเนินธุรกิจทุกด้าน ก็จะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า Striven อีกแล้ว

อย่างที่คุณอาจเดาได้จากชื่อ แผนภูมิ Gantt คือจุดแข็งของ TeamGantt TeamGantt เป็นหนึ่งในแอปที่ง่ายที่สุดในการสร้าง Gantt chart ทุกฟีเจอร์เป็นแบบลากแล้ววาง ซึ่งทำให้การเพิ่ม Dependency งานย่อยและเหตุการณ์สำคัญได้อย่างง่ายดาย

แถมยังมี 33 เทมเพลตที่น่าใช้และอินเทอร์เฟซที่สวยงามและคุณจะได้รับเครื่องมือที่ใช้งานง่ายสำหรับการสร้างแผนภูมิ Gantt ในไม่กี่นาทีโครงการขนาดใหญ่อาจต้องการฟังก์ชันขั้นสูงที่ TeamGantt ไม่มีให้ แม้แต่สำหรับ

โครงการย่อย ตัวเลือกการทำงานร่วมกันในทีม การแชร์ไฟล์และการติดตามทรัพยากรก็มีจำกัด

ถึงอย่างนั้น TeamGantt ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณต้องการ Gantt chart ที่ดูดีและคุณต้องการในตอนนี้

เครื่องมือจัดการโปรเจคที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด Bonsai โดดเด่นตรงที่มีบริการที่เหมาะสำหรับฟรีแลนซ์และบริษัทขนาดเล็ก ฟรีแลนซ์จะต้องชอบเครื่องมือสร้างสัญญา Bonsai ที่มีเทมแพลตสัญญาที่ได้รับการร่างจากทนายให้เลือกจำนวนมาก ช่วยให้คุณสามารถจัดการโปรเจคใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดาย

สัญญาทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องมือ CRM ในตัว ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ต้องเสียเวลาค้นหาไฟล์อีกต่อไป นอกจากนี้ทุกครั้งที่คุณสร้างโครงการใหม่ Bonsai จะสร้างใบแจ้งหนี้ให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณสามารถส่งไปยังลูกค้าได้ในคลิกเดียว บริการมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ซึ่งทำให้ฉันประทับใจอย่างมากเมื่อฉันทดสอบซอฟต์แวร์นี้

น่าเสียดายที่เครื่องมือการจัดการโปรเจคของ Bonsai ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ ในรายการนี้และคุณจะต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานผ่านเครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียว มันไม่เหมาะสำหรับทีมหรือโครงการที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นฟรีแลนซ์หรือบริษัทขนาดเล็ก ฟีเจอร์อัตโนมัติของ Bonsai ก็ดีมากพอสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ของคุณแล้ว