รายการแนะนำบนเว็บไซต์นี้มาจากบริษัทที่เว็บไซต์ได้รับค่าตอบแทน สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อ: ลักษณะ ลำดับและวิธีการในการนำเสนอรายการเหล่านี้ การเปิดเผยข้อมูลผู้โฆษณา

10 สุดยอดเครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำหรับ 2023

การเปรียบเทียบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์โดยการสร้างเว็บไซต์จริง

Best Website Builders Comparison

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ทุกเครื่องมือที่จะให้คุณภาพที่คุณต้องการ ฉันทดสอบเครื่องมือสร้างรายใหญ่ในตลาดเพื่อดูว่าเครื่องมือใดมีเทมเพลต ฟีเจอร์และประสบการณ์โดยรวมที่ดีที่สุด

ฉันคงไม่ต้องบอกถึงความสำคัญของเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพหรือความสะดวกในการใช้งาน แต่ดูเหมือนว่าเครื่องมือจากทุกบริการนั้นโฆษณาว่าจะดีให้บริการที่ดีสุด ทั้งง่ายที่สุด เร็วที่สุดและให้ผลลัพธ์ระดับมืออาชีพมากที่สุด แล้วบริการไหนล่ะที่สามารถทำได้จริง

ฉันตัดสินใจหาคำตอบโดยสมัครใช้แผนบริการเครื่องมือสร้างแต่ละรายและสร้างเว็บไซต์เต็มรูปแบบ ฉันพิจารณาในด้านประสบการณ์การใช้งาน ฟีเจอร์ที่พร้อมใช้งาน ผลงานที่ได้และทุกอย่างในระหว่างนั้น

ในด้านล่างนี้คุณจะพบเครื่องมือสร้างที่ให้บริการได้ตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวดของฉัน ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างเว็บไซต์ส่วนบุคคล บล็อก เว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณหรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ คุณจะได้พบตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในรายการนี้อย่างแน่นอน

    • แผนฟรีที่ดีที่สุดพร้อมคุณสมบัติมากที่สุด
    • เทมเพลตกว่า 800 แบบสำหรับไซต์ทุกประเภท
    • ตัวแก้ไขแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย

    Wix เป็นหนึ่งในผู้สร้างเพียงรายเดียวที่ให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่คุณต้องการจริง ๆ ด้วยเครื่องมือแก้ไขแบบลากวาง คุณสามารถปรับเลย์เอาต์ เปลี่ยนสีและฟอนต์ เพิ่มลิงก์และปุ่ม และอื่น ๆ อีกมากมายได้ ต่อให้คุณมีไอเดียที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเว็บไซต์ของคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์ Wix มีเทมเพลตมากกว่า 800 แบบให้เลือก ซึ่งเทมเพลตเหล่านี้จะจัดเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ 19 หมวดหมู่และหมวดหมู่ย่อยมากกว่า 70 หมวดหมู่

    พูดง่าย ๆ ก็คือWix มีเทมเพลตสำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท คุณไม่จำเป็นต้องใช้เทมเพลตที่กำหนดไว้สำหรับอุตสาหกรรมของคุณด้วยซ้ำ Wix ให้อิสระในการปรับแต่ง ทำให้ฉันสามารถเลือกดีไซน์ที่ฉันชอบและปรับให้เข้ากับความต้องการของฉันได้

    หากคุณต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับไซต์ของคุณ Wix ก็ขอนำเสนอตลาดแอปขนาดใหญ่ที่มีส่วนขยายแอปจากทั้งของบริการเองและบุคคลที่สามมากกว่า 250 รายการ แอปจำนวนมากใช้งานได้ฟรีและคุณสามารถใช้เพิ่มสิ่งต่าง ๆ ได้ เช่น แบบฟอร์มติดต่อที่เรียบง่ายหรือการผสานรวมโซเชียลมีเดียกับฟังก์ชันขั้นสูง เช่น ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ หรือการผสานรวมสำหรับฟีดพอดคาสต์และไลฟ์สตรีม

    ทั้งหมดนี้อาจทำให้ดูเหมือนว่า Wix เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง Wix นั้นใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน และด้วยแผนบริการฟรี คุณจะสามารถทดลองใช้และเผยแพร่เว็บไซต์ของคุณได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว

    ข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ มันมีฟีเจอร์เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการสร้างเว็บไซต์ของฉัน แต่ไม่ใช่เพราะมันใช้งานยาก มันเป็นเพราะมันมีอะไรให้สำรวจมากมาย และฉันก็สนุกไปกับการใช้งาน แล้วมีบริการที่เรียบง่ายกว่านี้ไหม แน่นอน แต่ไม่มีอะไรที่เหมือนกับ Wix อีกแล้ว

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wix

    เยี่ยมชม Wix > อ่านรีวิว Wix ของเรา
    • เทมเพลตที่ออกแบบอย่างมืออาชีพ
    • ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับศิลปินและนักสร้างสรรค์
    • คุณสมบัติอีคอมเมิร์ซที่ยอดเยี่ยม

    Squarespace เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่สวยงาม ทั้งในเว็บไซต์ที่สร้างและในส่วนอินเตอร์เฟส  มันคล้ายกับ WordPress.com มาก โดยมีเครื่องมือแก้ไขบล็อกและมีเลย์เอาต์การนำทางที่คล้ายกันระหว่างหน้าและในด้านการออกแบบอื่น ๆ อย่างไรก็ตามฉันพบว่าประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์ใน Squarespace นั้นราบรื่นกว่า Wix โดยทุกอย่างเชื่อมต่อกับอินเทอร์เฟซมากขึ้น

    ในขณะที่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ส่วนใหญ่เน้นด้านเนื้อหาหรืออีคอมเมิร์ซมากขึ้น Squarespace สามารถให้บริการทั้งคู่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับร้านค้า e-commerce ทุกขนาดที่ต้องการจุดเด่นในด้านบล็อกของพวกเขา (คุณสามารถทำสิ่งนี้กับเครื่องมือสร้างอื่น ๆ ได้เช่นกัน แต่ Squarespace มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แข็งแกร่งสำหรับทั้งคู่ ในระดับที่สูงกว่า Wix)

    Squarespace ไม่มีแผนบริการฟรี (แม้ว่าพวกเขาจะนำเสนอการทดลองใช้ฟรี 14 วัน) แต่คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ที่สำคัญส่วนใหญ่ในแผนระดับล่าง ซึ่งมีการเปรียบเทียบราคากับเครื่องมือสร้างรายอื่น ๆ ในรายการนี้

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SquareSpace

    เยี่ยมชม SquareSpace > อ่านรีวิว SquareSpace ของเรา
    • เรียบง่ายและใช้งานง่าย
    • วิธีที่เร็วที่สุดในการรับเว็บไซต์ออนไลน์
    • เทมเพลตกว่า 180 แบบให้เลือก

    SITE123 นั้นเป็นนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด (แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ เหมือนนับ หนึ่ง… สอง… สาม พอเข้าใจอยู่ใช่ไหม) ตัวเลือกนี้เป็นทางเลือกที่เหมาะหากคุณเพิ่งเคยสร้างเว็บไซต์ เครื่องมือสร้างนี้มีเทมเพลตที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์มือถือมากกว่า 180 แบบให้เลือกและมีแอปที่จะช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้กับเว็บไซต์ของคุณอีกมากมาย

    เครื่องมือแก้ไขของ SITE123 เป็นแบบชี้และคลิก หมายความว่าคุณเพียงแค่คลิกไปที่ปุ่มต่าง ๆ และเครื่องมือจะออกแบบเว็บไซต์ของคุณภายในเฟรมเวิร์กที่กำหนด แทนที่จะต้องมาปรับแต่ละองค์ประกอบเอง คุณแค่ต้องเพิ่มและจัดลำดับส่วนต่างๆ เช่น ข้อความ แกลเลอรีสื่อและข้อมูลการติดต่อเองเท่านั้น เครื่องมือแก้ไขแบบนี้ช่วยให้แน่ใจว่าการดีไซน์ของคุณจะสอดคล้องกันอยู่เสมอ

    แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเรียนรู้สักนิดนึง (โดยเฉพาะถ้าคุณชินกับเครื่องมือแบบลากและวาง) แต่เมื่อชินแล้ว ฉันก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้เร็วพอ ๆ กับ Wix เลย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อัตโนมัติที่ยอดเยี่ยม เช่น การนำทาง (breadcrumbs), การจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ในร้านค้าออนไลน์อัตโนมัติและเครื่องมือสร้างแบบฟอร์มการติดต่อที่ทำได้ง่ายสุด ๆ ที่ทำให้กระบวนการสร้างเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Site123

    เยี่ยมชม Site123 > อ่านรีวิว Site123 ของเรา
    • เครื่องมือแก้ไขที่ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว
    • เทมเพลตดีไซน์สวยงาม ดูเป็นมืออาชีพ
    • แผนอีคอมเมิร์ซที่มีราคาไม่แพง

    เครื่องมือ MyWebsite Now ของ IONOS นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างที่ใช้งานง่ายที่สุดในรายการนี้ แทนที่จะมีฟีเจอร์เยอะแยะมากมายเหมือนเครื่องมืออื่น ๆ IONOS นำเสนอแค่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการสร้างเว็บไซต์เท่านั้น

    แต่นั่นก็ไม่ได้เหมาะความว่าเว็บไซต์ IONOS ของคุณจะดู “ธรรมดา” หรือขาดฟังก์ชั่นการใช้งานใด ๆ ไป IONOS จัดการส่วนที่ยุ่งยากเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์เพื่อให้คุณมีประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายมากที่สุด การสร้างเว็บไซต์กับ IONOS นั้นทำได้รวดเร็วที่สุดที่ฉันได้ทดสอบมาเลย และยังเป็นบริการที่มีราคาถูกที่สุดอีกด้วย

    ถึงบริการจะมีฟีเจอร์หรือเทมเพลตไม่มากเท่ากับบริการอื่น ๆ แต่ดีไซน์นั้นดูทันสมัยมาก ตัวเลือกในการปรับแต่งนั้นค่อนข้างจำกัด แต่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเนื่องจากมันทำให้เว็บไซต์ของคุณนั้นดูมีความเป็นมืออาชีพ ถึงจะไม่ใช่ Squarespace แต่คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้กับ IONOS

    บริการไม่มีแผนสำหรับอีคอมเมิร์ซ แต่ IONOS จะนำเสนอเป็นแพ็คเกจที่คุณสามารถเพิ่มลงในแผนในก็ได้ ตัวเลือกนี้ยังทำให้ IONOS เป็นหนึ่งในบริการที่มีตัวเลือกอีคอมเมิร์ซที่ถูกที่สุดอีกด้วย มันเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการร้านค้าออนไลน์ที่เรียบง่ายที่มีฟีเจอร์ที่จำเป็นครบถ้วน

    • วิธีการใช้ WordPress . ที่ไม่ยุ่งยาก
    • แพลตฟอร์มบล็อกที่ดีที่สุด
    • ปลั๊กอินนับพันเพื่อการขยายฟังก์ชั่น

    WordPress.org เป็นยักษ์ใหญ่รุ่นเก๋าด้านการจัดการเนื้อหาและการสร้างเว็บไซต์ คำว่ารุ่นเก๋านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเลิกให้บริการไปแล้ว เว็บประมาณหนึ่งในสามบนอินเทอร์เน็ตยังคงสร้างจาก WordPress โชคดีที่ WordPress.com ทำให้ประสบการณ์ใช้งาน WordPress นั้นง่ายสำหรับทุกคน คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการโฮสต์หรือการพัฒนาเว็บก็สามารถใช้บริการนี้ได้

    WordPress.com เป็นเครื่องมือสร้างเว็บ WordPress ที่ให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของ WordPress ได้ แต่ว่าแม้แต่ “เครื่องมือสร้างเว็บที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด” ก็ยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างปลั๊กอินและเทมเพลตพรีเมี่ยมนั้นสามารถเข้าถึงได้ผ่านแผน Pro เท่านั้น

    WordPress.com มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ คุณสามารถขยายเว็บได้อย่างไร้ข้อจำกัด ดังนั้นการใช้งานเครื่องมือนี้อาจจะไม่ง่ายหรือมีราคาต่ำเหมือนบริการอื่น ๆ

    เครื่องมือแก้ไขบล็อกของ WordPress.com นั้นยังเป็นบริการที่ค่อนข้างใหม่ แต่มันก็ช่วยให้การสร้างเว็บบน WordPress นั้นทำได้ง่ายและช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการใช้งานได้ง่ายมากขึ้นกว่าวิธีเก่า เครื่องมือแก้ไขใหม่นี้ใช้บล็อกในการเพิ่มและแก้ไขเลย์เอาท์หน้าเพจ มันใช้งานได้ค่อนข้างง่ายก็จริง แต่ก็มีรายละเอียดจุกจิก มีหลายครั้งด้วยกันที่ต้องแก้ไขส่วนต่าง ๆ ในหน้าเพจใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารำคาญพอสมควร

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WordPress.com

    เยี่ยมชม WordPress.com > อ่านรีวิว WordPress.com ของเรา
    • ใช้งานง่ายเป็นที่สุด พร้อมทั้งมีฟีเจอร์ AI สุดเจ๋ง
    • มากกว่า 140 เทมเพลตที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี
    • มีนักออกแบบสูงด้านการออกแบบ และมีฟังก์ชันตารางที่ใช้งานง่าย

    เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Hostinger นั้นเป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ ผู้ที่กำลังมองหาอะไรที่เร็วและง่าย แทนที่จะทำให้คุณสับสนด้วยฟีเจอร์เฉพาะต่าง ๆ ที่เยอะเกินไป Hostinger จะเน้นไปที่เครื่องมือจำเป็นซึ่งใช้งานง่ายและถูกสร้างมาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูดีและเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แถมราคาก็ยังไม่แพงอีกด้วย และคุณก็สามารถรับโดเมนฟรีได้ในปีแรกของแพลนรายปีทั้งหมด

    นอกจากนั้นแล้ว Hostinger ยังเป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานที่สุด ในรายการนี้อีกด้วย นอกจากจะมีโปรแกรมแบบตารางและฟีเจอร์การปรับขนาดคืนที่ใช้งานง่ายแล้ว Hostinger ก็ยังมีเครื่อง AI (ปัญญาประดิษฐ์) อีกมากมายที่จะช่วยคุณสร้างชื่อธุรกิจ, โลโก้, แท็กไลน์ รวมถึงข้อความสำหรับเว็บไซต์ของคุณด้วย

    แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมผลงานความคิดสร้างสรรค์บนเว็บเลย (อันที่จริง เราแนะนำให้ใช้เนื้อหาที่ AI สร้างเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเท่านั้น) ด้วยโปรแกรมของ Hostinger คุณจะสามารถปรับแต่งเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ เปลี่ยนสีและฟอนต์ ปรับปุ่ม เพิ่มและจัดลำดับบล็อก และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

    ข้อเสียของ Hostinger ก็คือมันมีตัวเลือกการปรับขนาดไม่เยอะเท่าที่ควร เว็บไซต์ที่ดูเรียบง่ายนั้นอาจจะเหมาะสำหรับตอนที่คุณพึ่งเริ่มต้นใหม่ แต่ถ้าคุณต้องการขยายไปใช้อะไรที่เปิดกว้างด้านความคิดสร้างสรรค์มากกว่า และมีฟีเจอร์ขั้นสูงมากกว่า Hostinger นั้นจะค่อนข้างถูกจำกัดด้านการใช้งานแบบบูรณาการ และการที่มันไม่มี app market ก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญได้

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hostinger Website Builder

    เยี่ยมชม Hostinger Website Builder > อ่านรีวิว Hostinger Website Builder ของเรา
    • ฟีเจอร์สำหรับเว็บหลายภาษา
    • การตั้งค่า SEO เชิงลึกสำหรับแต่ละหน้าเพจ
    • มีคำแนะนำทีละขั้นตอน

    Webnode เป็นเครื่องมือสร้างธรรมดา ๆ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เทมเพลตนั้นเรียบง่ายแต่สวยงาม มีฟีเจอร์ที่สำคัญนำเสนอ แต่ไม่มีอะไรโดดเด่น การใช้งานทำได้ง่าย แต่อาจมีบางจุดที่หงุดหงิด

    Webnode เป็นเครื่องมือสร้างที่ใช้งานได้ค่อนข้างดี (ฉันเคยเจอบริการที่แย่กว่านี้มาแล้ว) แต่ก็ไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ Webnode มาอยู่ในรายการนี้ได้ก็คือฟีเจอร์ที่หาไม่ได้ในบริการอื่น อย่างเช่น การสนับสนุนเว็บในหลายภาษาและการตั้งค่า SEO ที่ละเอียด

    การใช้งาน Webnode จะคุ้มค่ามากหากคุณต้องการสิ่งที่บริการนี้นำเสนออย่างการสนับสนุนเว็บในหลายภาษา ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถคัดลอกโครงสร้างเว็บไซต์เดิมของคุณ เพื่อแปลเป็นภาษาอื่น ๆ แต่หากคุณไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ข้อจำกัดในการปรับแต่งของ Webnode อาจทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสำหรับบล็อกหรือร้านค้าทั่วไปสักเท่าไหร่

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Webnode

    เยี่ยมชม Webnode > อ่านรีวิว Webnode ของเรา
    • เหมาะสำหรับการจัดการผลิตภัณฑ์ในปริมาณมาก
    • เทมเพลตรูปภาพเคลื่อนไหวที่สวยงาม
    • ไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมออนไลน์

    Volusion เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างหน้าร้านออนไลน์ที่แข็งแกร่ง: คุณสมบัติส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการขายผลิตภัณฑ์ออนไลน์ พวกเขานำเสนอฟีเจอร์มากมายและใช้งานง่ายช่วยให้คุณสามารถแก้ไขผลิตภัณฑ์ติดตามสินค้าคงคลังคำสั่งซื้อและลูกค้าและอีกมากมายได้

    เครื่องมือแก้ไขเว็บไซต์ของพวกเขาเป็นเครื่องมือสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่ายที่สุดในรายการนี้ มันมาพร้อมตัวเลือกมากมายสำหรับสี แบบอักษรและโครงร่างเนื้อหาในรูปแบบบล็อก อย่างไรก็ตามมันมีข้อจำกัดที่น่ารำคาญอยู่ ตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่มีบล็อกฟอร์มการติดต่อ (หากคุณต้องการแบบฟอร์มการติดต่อในเว็บไซต์ของคุณ คุณต้องเพิ่มใน HTML) ถึงกระนั้น Volusion ก็ยังเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน หากจุดประสงค์ของเว็บไซต์ของคุณคือการขายและติดตามสินค้าจำนวนมากได้อย่างสวยงามและมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Volusion

    เยี่ยมชม Volusion > อ่านรีวิว Volusion ของเรา
    • ทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อขายออนไลน์
    • ทดลองใช้งานฟรี 14 วัน (ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต)
    • ธีมอีคอมเมิร์ซระดับมืออาชีพมากมาย

    Shopify เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณมองหาบริการที่สามารถช่วยจัดการการขายของคุณได้ บริการนำเสนอการผสานการใช้งานกับเครื่องมือสร้างอื่น ๆ อย่าง Wix หรือ WordPress และแม้แต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram นั่นหมายความว่าคุณสามารถขายผลิตภัณฑ์ของคุณได้ในหลายแพลตฟอร์มและสามารถติดตามสินค้าคงคลังของคุณไปพร้อม ๆ กันได้ คุณสามารถย้ายผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไปยังแพลตฟอร์มที่คุณต้องการเมื่อไหร่ก็ได้

    หากคุณต้องการร้านค้าออนไลน์ Shopify เป็นเครื่องมือสร้างที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนและมีตลาดแอปที่มีแอปมากมายที่จะช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้กับเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้เครื่องมืออีคอมเมิร์ซของ Shopify ยังไม่มีใครเทียบได้อีกด้วย

    Shopify มีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซมากมาย ตั้งแต่การแจ้งเตือนละทิ้งรถเข็น การคำนวนค่าจัดส่งอัตโนมัติและการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อช่วยให้คุณสามารถติดตามการขายของคุณได้

    ถึงแม้ว่าการเพิ่มสินค้าลงในร้านค้ายังสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่การสร้างร้านค้านั้นอาจไม่ง่ายเท่าไหร่ เครื่องมือแก้ไขหน้าแรกนั้นแตกต่างจากเครื่องมือแก้ไขสำหรับหน้าอื่น ๆ มันอาจทำให้เกิดความสับสนเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ค่อนข้างรวดเร็ว และรู้สึกประหลาดใจผลลัพธ์อย่างมาก

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shopify

    เยี่ยมชม Shopify > อ่านรีวิว Shopify ของเรา
    • เหมาะสำหรับร้านค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่หรือ Dropshipper
    • ชุดฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ทุกประเภท
    • เครื่องมือทางการตลาดที่แข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนยอดขาย

    ฉันต้องขอบอกก่อนว่า BigCommerce นั้นไม่เหมาะกับผู้ใช้เริ่มต้น ถ้าคุณต้องการใช้บริการนี้จริง ๆ คุณต้องใช้เวลานานพอสมควรไปกับการเรียนรู้การใช้งานอินเตอร์เฟสและฟีเจอร์ต่าง ๆ

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อเสียซะทีเดียว เวลาที่คุณเสียไปกับการเรียนรู้จะกลายเป็นเว็บร้านค้าอนนไลน์ดีที่ได้อย่างแน่นอน นั่นเพราะว่า BigCommerce นำเสนอฟีเจอร์ร้านค้าออนไลน์มากมาย มากกว่าบริการอื่น ๆ ในรายการนี้

    BigCommerce มีทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับร้านค้าออนไลน์ รวมไปถึงการจัดการสินค้าคงคลัง การผสานการชำระเงิน โค้ดส่วนลดและคูปอง ตัวเลือกการจัดส่งและการแจ้งเตือนการทิ้งรถเข็น และยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ อีก เช่น บัญชีหนักงาน เว็บที่รองรับหลายภาษา การผสานการขายของบุคคลที่สามและอื่น ๆ อีกมากมาย

    ตัวเลือกฟีเจอร์มากมายเหล่านี้ก็ทำให้เข้าใจได้แล้วว่า BigCommerce นั้นถูกสร้างมาเพื่อเป็นเครื่องมือสร้างร้านค้าออนไลน์ สำหรับผู้ใช้ที่คาดว่าร้านค้าอาจมีการขยับขยายในภายหลัง แต่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่าง (หรือต้องการเว็บไซต์ที่มีการผสานฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ) ก็ควรใช้เครื่องสร้างสารพัดประโยชน์อย่าง Wix หรือ Squarespace จะดีกว่า

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BigCommerce

    เยี่ยมชม BigCommerce > อ่านรีวิว BigCommerce ของเรา

สิ่งที่ฉันมองหาในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุด

เกณฑ์หลักสามอย่างเป็นสิ่งที่ฉันใช้เปรียบเทียบเป็นส่วนใหญ่: ความง่ายในการใช้งาน ความยืดหยุ่นในการออกแบบและราคา มีสิ่งอื่น ๆ ที่ฉันพิจารณาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งช่วยแยกเครื่องมือสร้างที่ทำคะแนนได้ใกล้เคียงกันในเกณฑ์หลักเหล่านี้ นี่คือปัจจัยที่ฉันพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ต่าง ๆ :

ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีควรใช้งานได้ง่าย มีความชัดเจนและใช้งานได้สนุก เครื่องมือส่วนใหญ่มีคำแนะนำ “การเริ่มต้นใช้งาน” เมื่อดูคำแนะนำเหล่านี้หมดแล้ว เครื่องมือต่าง ๆ ก็ควรอยู่ในที่ที่หาได้ง่ายและผู้ใช้ไม่ควรใช้เวลาเรียนรู้การใช้งานมากจนเกินไป

การปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ควรทำได้ง่าย ตัวเลือกการปรับแต่งเองก็ควรอยู่ในที่ที่เห็นได้ง่าย นอกจากนี้ควรมีตัวเลือกการช่วยเหลือที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพและควรให้คำตอบได้ทันท่วงที

และคะแนนโบนัสหากเครื่องมือสร้างสามารถบันทึกงานของคุณได้โดยอัตโนมัติและแจ้งให้คุณทราบเมื่อทำขั้นตอนที่สำคัญ เช่น การเผยแพร่เว็บไซต์หรือการเชื่อมต่อโดเมน

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นไม่เหมือนเวอร์ชันอื่น ๆ ที่ผู้เยี่ยมชมเคยเห็นมาก่อนเป็นร้อย ๆ ครั้ง เครื่องมือควรมีเทมเพลตให้เลือกหลายแบบ (อย่างเช่น Wix ที่มีเทมเพลตให้เลือกมากกว่า 800 แบบ) และควรให้อิสระในการปรับแต่งเพื่อให้เว็บของคุณมีเอกลักษ์และดูแตกต่างจากเว็บอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรมี:
  • เทมเพลตเริ่มต้นมากมายให้เลือก
  • การควบคุมธีมสีอย่างสมบูรณ์
  • แบบอักษรหลากหลาย
  • ตัวเลือกมากมายสำหรับเลย์เอาท์หน้าเพจและ/หรือบล็อก

ในการทดสอบของฉัน ฉันพบว่าเครื่องมือแบบลากและวางส่วนใหญ่มักจะให้อิสระในการปรับแต่งที่มากกว่า อย่างที่เห็นได้ในผลการทดสอบ แต่เครื่องมือแบบอื่น ๆ ก็ให้อิสระในการปรับแต่งได้มากพอสมควรเหมือนกัน

การกำหนดราคา

เกณฑ์นี้ไม่ได้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่มันหมายถึงความคุ้มค่า เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อาจมีแผนราคาถูก แต่ถ้าแผนที่มีราคาแพงที่สุดมีฟีเจอร์เพียงครึ่งเดียวของแผนพื้นฐานของเครื่องมือสร้างอื่น ๆ มันคงไม่ใช่สิ่งที่น่าพอใจเท่าไหร่

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่คุ้มค่าจะนำเสนอฟีเจอร์ที่มากที่สุดในราคาที่ถูกที่สุด บริการอาจมีแผนให้เลือกหลากหลาย ให้คุณปรับแต่งตามความต้องการของคุณ ยกตัวอย่างเช่น Squarespace อาจไม่ได้เป็นเครื่องมือสร้างที่ถูกที่สุด แต่เนื่องจากพวกเขานำเสนอฟีเจอร์ที่หลากหลาย ฉันจึงคิดว่ามันคุ้มค่า คุณสามารถคลิกที่นี่เพื่อดูแผนล่าสุด

บ่อยครั้งที่ (แต่ไม่เสมอไป) แผนระดับที่สูงขึ้นนำเสนอหนึ่งในสองสิ่ง: นำเสนอแบนด์วิดท์และพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากขึ้นหรือการเข้าถึงคุณลักษณะอีคอมเมิร์ซขั้นสูง หากคุณรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณต้องการอะไร มันจะช่วยให้คุณประเมินมูลค่าของแผนเหล่านี้ได้ดีขึ้นเมื่อคุณเห็นผลลัพธ์

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

ในขณะที่เกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการประเมินเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ แต่ก็มีฟีเจอร์โบนัสบางอย่างที่ทำให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เหล่านั้นโดดเด่นเหนือผู้อื่น สิ่งเหล่นี้อาจไม่ได้ทำให้มันเป็นเครื่องมือสร้างที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อรวมกับฟีเจอร์ที่แข็งแกร่งอื่น ๆ จึงทำให้มันเป็นเครื่องมือสร้างเหล่านี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมเหล่านี้จะต้องมีประโยชน์จริง ๆ – ไม่ใช่แค่บอกว่ามันเป็นฟีเจอร์ที่ดี นี่คือสิ่งอื่น ๆ ที่ฉันมองหา:
  • ความสามารถด้าน SEO: เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ส่วนใหญ่ช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพแท็ก ชื่อและคำอธิบาย meta แต่เครื่องมือที่มีคุณสมบัติทางเทคนิคเพิ่มเติมเช่นไฟล์txt หรือแผนผังเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัตินั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก
  • แอพพลิเคชั่นและการผสานรวมที่หลากหลาย: มีไว้เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่าการออกแบบ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีควรนำเสนอความสามารถที่คุณต้องการ โดยการผสานรวมกับเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่คุณใช้อยู่แล้วเช่น MailChimp สำหรับแคมเปญอีเมล
  • ฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง: เครื่องมือสร้างบางอย่างมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นและไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นได้ สิ่งเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในผลลัพธ์สำหรับเครื่องมือสร้างแต่ละตัว

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ปกติที่มาพร้อมกับคุณสมบัติอีคอมเมิร์ซ

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ อย่างเช่นสามรายการสุดท้ายในรายการของเราเน้นไปที่ความสามารถของร้านค้าออนไลน์ที่มีให้เกือบทั้งหมด ฟีเจอร์ร้านค้าออนไลน์ของพวกเขานั้นเหนือกว่าเครื่องมือในเครือมือสร้างเว็บไซต์ทั่วไป แต่คุณจะพบว่าการสร้างเว็บไซต์ในเกือบทุกด้านนั้นกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก (ตัวอย่างเช่นไม่สามารถสร้างแบบฟอร์มการติดต่อใน Volusion ได้)

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ปกติที่มีความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซให้คุณสมบัติเหล่านี้เป็นบริการเสริมมากกว่าบริการหลัก – แม้ว่าเครื่องมือสร้าง “ปกติ” บางราย เช่น Squarespace ได้เริ่มเสนอฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่น่าประทับใจมาก ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้คุณสามารถสร้างบล็อก ชุดหน้าแลนดิ้งเพจและรูปภาพหรือวิดีโอจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของเครื่องมือสร้างที่คุณควรเลือกนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ของคุณ หากเป้าหมายหลักของคุณคือการขายสินค้า เครื่องมือสร้างอีคอมเมิร์ซสามารถให้ตัวเลือกการชำระเงินพิเศษ ให้คุณอัปโหลดและจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นและบางครั้งก็ให้ตัวเลือกการจัดส่ง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่เพื่อใช้ประโยชน์จากหนึ่งในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์เหล่านี้ – ผู้ขาย Etsy และร้านค้าหรือร้านบูติกท้องถิ่นอาจมีได้เปรียบมากมายกับเครื่องมือสร้างเหล่านี้

แต่ถ้าคุณให้บริการบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัว เช่น พอร์ตโฟลิโอ โดยมีเป้าหมายในการขายผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่าง เช่น หนังสือหรือหลักสูตรออนไลน์ เครื่องมือสร้างทั่วไปที่มีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซจะให้สิ่งที่คุณต้องการได้มากขึ้น ในขณะที่ยังคงให้บริการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างดีเยี่ยม

เครื่องมือสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซหลายรายนำเสนอการบูรณาการบางอย่างกับแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่นๆดังนั้นเว็บไซต์ของคุณสามารถรวมสิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองเข้าด้วยกัน หากคุณเน้นการค้าปลีกเป็นหลัก แต่ต้องการขยายเว็บไซต์ของคุณไปยังบล็อกหรือเนื้อหาอื่น ๆ การผสมผสานเหล่านี้อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

กระบวนการทดสอบ

ในการทดสอบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์เหล่านี้ ฉันเริ่มต้นด้วยเว็บไซต์ทั่วไปที่จะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมถึงสิ่งที่เว็บไซต์ส่วนใหญ่ต้องการ ทุกเว็บไซต์ที่ฉันสร้างขึ้นต้องมี:
  • หน้าข้อความคงที่ (หน้าเกี่ยวกับเว็บไซต์)
  • ข้อความบล็อก
  • คลังรูปภาพ
  • ปฏิทินหรือหน้ากิจกรรม
  • หน้าการติดต่อ
  • ร้านค้าออนไลน์

นอกจากนี้ฉันต้องการจะทดสอบการใช้งานเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย:
  • การเปลี่ยนสีและรูปแบบตัวอักษร
  • การเพิ่มรูปภาพ
  • การฝังวิดีโอ
  • การสร้างแบบฟอร์มผู้ติดต่อ
  • การเพิ่มปุ่ม
  • การเปลี่ยนแปลงเมนู
  • การอัปเดตตัวหนังสือทางเลือก
  • การทดสอบลักษณะเฉพาะ SEO

สิ่งนี้ทำให้ฉันสามารถทดสอบฟีเจอร์ของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่พบได้บ่อยที่สุด ในขณะที่ใช้เวลากับเครื่องมือสร้างแต่ละรายมากพอที่จะประเมินความสามารถอย่างละเอียด

ก่อนที่จะสร้างเว็บไซต์ใด ๆ ฉันได้รวบรวมทรัพยากรทั้งหมดของฉันและร่างโครงร่างที่ชัดเจนของสิ่งที่จะทำในแต่ละหน้า ดังนั้นฉันจึงสามารถสร้างเว็บไซต์แบบเดียวกันโดยใช้เครื่องมือแต่ละอย่าง มันช่วยตัดเวลาที่ฉันต้องคิดว่าฉันต้องอะไร รวมถึงการตามหารูปภาพและความต้องการในการตั้งค่าอื่น ๆ

ฉันไม่ได้อ่านคำแนะนำหรือดูบทเรียนใดๆก่อนที่จะสร้างเว็บไซต์เหล่านี้ แม้ว่าฉันจะมีระดับความคุ้นเคยที่แตกต่างกันกับเครื่องมือสร้างบางอัน ก่อนหน้านี้ฉันเคยใช้ Wix และ WordPress.com มาก่อนแม้ว่าจะไม่เคยทำทุกอย่างและฉันยังได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับคุณสมบัติต่าง ๆ ของ Squarespace, Weebly และ SITE123 มาก่อนอีกด้วย

ในขณะที่ฉันกำลังสร้าง หากฉันพบปัญหาใด ๆ ที่ฉันไม่สามารถหาได้ในอินเทอร์เฟซเครื่องมือสร้าง ฉันจะตรวจสอบฐานความรู้ก่อนแล้วจึงติดต่อฝ่ายสนับสนุนทางอีเมลหรือไลฟ์แชท

ผลลัพธ์โดยละเอียด: ประสิทธิภาพของเครื่องมือสร้างแต่ละตัว

ตอนนี้ได้เวลาสนุกแล้ว: ผลลัพธ์ที่แท้จริงจากการทดสอบการสร้างเว็บไซต์ที่ฉันลงมือทำ ฉันได้ทำการวิเคราะห์โดยละเอียดจากประสบการณ์ของฉัน โดยใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์แต่ละอันด้านล่าง ให้คะแนนตามเกณฑ์ด้านบน แต่ก่อนอื่นนี่คือตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดบางอย่าง

ฉันใช้ PageSpeed Insights ของ Google เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องมือสร้างรายใดที่สร้างเว็บไซต์ที่ดูสวยงามและได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการโหลดอย่างรวดเร็ว ฉันทดสอบเว็บไซต์ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ คะแนนที่คุณเห็นอยู่ระหว่าง 1-100 โดย 100 เป็นคะแนนสูงสุด
แผนใช้งานฟรี เทมเพลต การตอบสนองบนมือถือ แอพพลิเคชั่นที่มีให้ เวลาที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ของฉัน คะแนนเชิงลึกของ Google Page Speed (เดสก์ท็อป / มือถือ) ชื่อโดเมนฟรีในแผนการชำระเงิน SSL ฟรี
Wix 800+ 300+ 90 นาที 65/23
Squarespace 140+ 30+ 50 นาที 95/43
SITE123 180+ 80+ 60 นาที 94/48
IONOS 18 ไม่มี 30 นาที 91/88 สำหรับหนึ่งปี
WordPress.com เทมเพลตบุคคลที่สามกว่า 140+ รายการ นับพัน 75 นาที 99/88
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Hostinger 140+ ไม่มี 30 นาที 50/29 เฉพาะแผน 3 อันดับแรกเท่านั้น
Webnode 110+  ไม่มี 35 นาที 97/75
Volusion 14 บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด 14 75 นาที 100/85
Shopify 70+ 4000+ 45 นาที 99/63
BigCommerce 190+ 1000+ 75 นาที 89/78

#1 Wix – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดโดยรวม

best-website-builders-wix-2
หน้าหลักของฉันด้วย Wix (เทมเพลต: บล็อกท่องเที่ยว)
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 10/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 10/10
การกำหนดราคา 9/10
เทมเพลทที่ใช้งานได้ 800+
แอพพลิเคชั่นที่มีให้ ฟรี 55 จากทั้งหมด 300
มีให้ใช้ในภาษาไทย ใช่ / ไม่

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Wix เป็นเครื่องมือแก้ไขเว็บไซต์ที่ง่ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยทดสอบมา ทุกสิ่งที่ฉันต้องการอยู่ในตอนแรกที่แรกที่ฉันมองหาและฉันไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือรู้สึกว่าจำเป็นต้องตรวจสอบศูนย์ช่วยเหลือเพื่อขอความช่วยเหลือ ฉันสามารถสร้างเว็บไซต์ครึ่งหนึ่งได้ในเวลาเพียง 30 นาทีและใช้เวลาประมาณ 75 นาทีในการสร้างเว็บไซต์ Wix เต็มรูปแบบของฉัน

เพื่อให้ง่ายยิ่งขึ้น Wix มีฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า Wix ADI ตัวช่วยสร้างนี้ถามคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับความต้องการของเว็บไซต์แล้วสร้างเว็บไซต์ให้คุณได้ภายในไม่กี่นาที เครื่องมือนี้ยังสามารถนำเข้าเนื้อหาจากบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณเพื่อสร้างความมั่นใจในการสร้างแบรนด์ที่สอดคล้องกัน

Wix ADI มีข้อจำกัดในด้านการออกแบบ แต่คุณสามารถสลับไปใช้เครื่องมือแก้ไขทั่วไปเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขเว็บไซต์ตามที่คุณต้องการได้ Wix ADI ยังบันทึกเว็บไซต์ก่อนหน้าของคุณด้วย ดังนั้นคุณสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้าได้หากคุณไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อใช้งานด้านเทคนิค เช่น SEO มันก็ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น Wix SEO Wiz สร้างรายการตรวจสอบที่ปรับให้เหมาะสมตามคำตอบของคำถามสองสามข้อ แนะนำสิ่งจำเป็นสำหรับการทำ SEO โดยไม่ต้องเข้าใจอะไรเกี่ยวกับการทำ SEO หรือวิธีการทำงานของมัน ฉันชอบที่ Wix พาคุณไปยังฟีเจอร์นี้ด้วยการพูดว่า “Get Found On Google” – มันทำให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างแท้จริง
Wix SEO Wiz checklist
รายการตรวจสอบ Wix SEO Wiz ของฉัน
ข้อเสียอย่างหนึ่งคือเทมเพลตไม่ตอบสนองต่อมือถือ ซึ่งหมายความว่าเทมเพลตจะไม่แสดงอย่างสมบูรณ์แบบบนอุปกรณ์พกพาโดยอัตโนมัติ เทมเพลตเวอร์ชันพื้นฐานนั้นเหมาะสำหรับมือถือ แต่ถ้าคุณทำการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาท์ให้เหมาะกับเดสก์ท็อปอย่างมาก คุณอาจต้องแก้ไขเว็บไซต์บนมือถือของคุณแยกต่างหาก เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะปรากฏอย่างเหมาะสมบนอุปกรณ์มือถือ

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ ในรายการนี้มีเทมเพลตที่ตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขซ้ำอีก เว็บไซต์ Wix ของฉันโหลดบนมือถือได้ค่อนข้างช้าระหว่างการทดสอบความเร็วหน้าเว็บ

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

แน่นอนว่า Wix ให้คุณแก้ไของค์ประกอบทุกส่วนในเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับแต่งตามที่คุณต้องการได้ มีตัวเลือกมากมายสำหรับสี ตัวอักษร บล็อกและเลย์เอาต์และคุณสามารถบันทึกจานสีและชุดรูปแบบตัวอักษรได้อย่างง่ายดายสำหรับแอพพลิเคชันทั่วทั้งไซต์
Wix has dozens of elements and layouts to add to your site
Wix มีองค์ประกอบเลย์เอาท์มากมายให้คุณเพิ่มในเว็บไซต์ของคุณ
คำแนะนำในตัวจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าส่วนหัว รูปภาพและสิ่งอื่น ๆ ของคุณสอดคล้องกัน บางครั้งฉันมีปัญหาในการใช้เครื่องมือแก้ไขลากและวางเพื่อทำการปรับแก้ไขความสูงของหน้าหรือการปรับสิ่งอื่น ๆ แต่การปรับแต่งเหล่านี้เป็นการปรับแต่งที่ใช้ความละเอียด มันไม่ได้ส่งผลต่อดีไซน์โดยรวมของเว็บไซต์

เทมเพลตจำนวนมากช่วยให้คุณทำงานน้อยลง เนื่องจากคุณมีแนวโน้มที่จะพบเทมเพลตที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการใน Wix มากกว่าในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ  ไม่เหมือนกับเครื่องมือสร้างรายอื่น เทมเพลตของ Wix ส่วนใหญ่นั้นมีความโดดเด่นอย่างมาก ดังนั้นคุณไม่ต้องเลือกเทมเพลตเนื่องจากมีสีที่คุณต้องการแต่เพราะการทำงานของมันต่างหาก คุณยังมีตัวเลือกให้เริ่มต้นด้วยเทมเพลตที่ว่างเปล่าและออกแบบไซต์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น

เมื่อคุณเริ่มแก้ไขเทมเพลตคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เทมเพลตอื่นได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกแบบที่เหมาะสมแล้ว ก่อนที่สายเกินไป เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในเครื่องมือแก้ไขมาก คุณสามารถสร้างสิ่งที่คุณต้องการภายในเทมเพลตที่คุณเลือกหรือแม้กระทั่งสร้างเลย์เอาต์จากเทมเพลตอื่นที่คุณชอบในภายหลังได้

การกำหนดราคา

แผนฟรีของ Wix ให้ตัวเลือกมากมายในการปรับแต่งด้วยการเข้าถึงเทมเพลตกว่า 900+ แบบและแอพพลิเคชั่นให้เลือกมากมาย คุณจะต้องอัปเกรดเป็นแผนธุรกิจหากคุณต้องการเชื่อมต่อโดเมนที่กำหนดเองยอมรับการชำระเงินออนไลน์และผสานการใช้งานเข้ากับ Google Analytics

แม้ว่าจะมีแผนแตกต่างกันแปดแผน แบ่งเป็นส่วนบุคคลและธุรกิจ/อีคอมเมิร์ซ แต่มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละแผน แผนระดับที่สูงขึ้นเป็นราคาที่สูงขึ้นสำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การสนับสนุนระดับ VIP”

ฟีเจอร์อื่นๆ

มีบางสิ่งเกี่ยวกับ Wix ที่ฉันชอบ:
  • ร้านค้าออนไลน์: อินเทอร์เฟซ Wix Store นั้นใช้งานง่าย พวกเขาให้คำแนะนำคุณในทุกขั้นตอนของการเพิ่มข้อมูลผลิตภัณฑ์ ตัวเลือกการจัดส่งและการชำระเงินและอื่น ๆ
  • ตัวเลือก SEO ขั้นสูง: นอกเหนือจาก Wix SEO Wiz การตั้งค่า SEO ขั้นสูงนั้นมีตัวเลือกสำหรับโครงสร้างข้อมูล, canonical URL และแท็ก meta ที่กำหนดเอง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ Google เข้าใจไซต์ของคุณได้ดีขึ้นในทางเทคนิค โดยที่คุณไม่ต้องทำงานที่ซับซ้อนด้านเทคนิค นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าหน้า AMP เพื่อให้สามารถใช้งานบนมือถือได้เร็วขึ้น
  • ศูนย์สนับสนุน: ถึงแม้ว่าฉันไม่จำเป็นต้องใช้งานศูนย์ช่วยเหลือ แต่ฉันตรวจสอบแล้วและพวกเขามีบทความแนะนำมากมายเพื่อตอบคำถามใด ๆ ที่คุณอาจมี

#2 Squarespace – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบ

best-website-builders-squarespace-2
การทดสอบหน้าหลักของ Squarespace (เทมเพลต: Fillmore)
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 8/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 8/10
การกำหนดราคา 6/10
จำนวนเทมเพลต 140+
จำนวนแอพพลิเคชั่น 30+
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

Squarespace เป็นหนึ่งในเครื่องมือแก้ไขบล็อกที่ใช้งานง่าย เป็นการผสานรวมระหว่าง Wix และ WordPress.com การย้ายระหว่างเครื่องมือแก้ไขบล็อกต่างๆนั้นสามารถทำได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากกว่า WordPress.com และสามารถทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
The Squarespace block editor has tons of options for your page layout
เครื่องมือแก้ไขบล็อก Squarespace มีตัวเลือกมากมายสำหรับเลย์เอาท์เพจของคุณ
เมื่อเริ่มต้น ฟีเจอร์ผู้ช่วยจะให้รายการตรวจสอบทุกสิ่งที่คุณต้องการในการเริ่มต้นสร้างไซต์ของคุณและสามารถเรียกหรือซ่อนตามที่คุณต้องการ (หรือไม่ต้องการ) มันนำคุณผ่านขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการตั้งค่าเว็บไซต์และเชื่อมต่อคุณไปยังคำแนะนำที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลที่คุณต้องการ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ส่วนใหญ่มีรูปแบบคำแนะนำที่แตกต่างกันออกไปแต่ของ Squarespace นั้นมีประโยชน์มากที่สุด

ฟีเจอร์ขนาดเล็ก แต่มีประโยชน์อย่างมากคือความสามารถในย้อนกลับไปมาระหว่างหน้าตัวอย่างและเว็บไซต์จริงและโปรแกรมแก้ไขในหน้าต่างเดียว ซึ่งแตกต่างจาก SITE123 และเครื่องมือแก้ไขอื่น ๆ ที่ต้องเปิดแท็บมากมายเมื่อต้องการดูตัวอย่างการเปลี่ยนแปลง

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

Squarespace มีเทมเพลตที่มีการที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมและมันมีความใกล้เคียงกับธีมของ WordPress.com ในแง่ของความยืดหยุ่นในการออกแบบ คุณไม่สามารถเปลี่ยนสีในทุกที่ได้เหมือนอย่างที่คุณทำได้บน Wix และคุณมีข้อจำกัดบนเครื่องมือแก้ไขบล็อก แต่โดยรวมคุณสามารถปรับแต่งได้มากมายและมันก็สร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ทุกสิ่งที่คุณทำดูน่าสนใจ

หนึ่งในฟีเจอร์การออกแบบที่ฉันชอบคือตัวเลือกจานสี ที่คุณเลือกสามสีพื้นฐานเพื่อให้ตรงกับเว็บไซต์ของคุณและ Squarespace สร้างชุดรูปแบบสีที่กว้างขึ้นเพื่อใช้ในส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ นี่คือจานสีสำหรับเว็บไซต์ทดสอบของ Squarespace:
Choose your base colors with Squarespace’s color palette designer
ลือกสีพื้นฐานของคุณด้วยเครื่องมือออกแบบชุดสีของ Squarespace
และนี่คือธีมที่มันสร้างขึ้น:
Squarespace generates color combinations for you to use throughout your site
Squarespace สร้างการชุดสีเพื่อให้คุณสามารถใช้ได้ทั่วทั้งไซต์ของคุณ
คุณสามารถแก้ไขชุดรูปแบบสีเหล่านี้ได้มากขึ้น แต่การใช้ชุดรูปแบบเหล่านั้นทำให้แน่ใจได้ว่าคุณมีนักออกแบบมาช่วยในชุดสีของคุณแม้ว่าคุณจะไม่ใช่นักออกแบบเองก็ตาม คุณไม่ต้องสงสัยว่าสีแบบอักษรนั้นดูดีบนพื้นหลังสีนั้นหรือไม่ เพราะ Squarespace กำลังบอกคุณว่า: ตัวอักษรเหล่านี้ดูดีบนพื้นหลังสีนั้นอยู่แล้ว

การกำหนดราคา

Squarespace ไม่มีแผนบริการฟรี แต่คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายแม้ในระดับที่ต่ำกว่า คุณสามารถทดสอบด้วยการทดลองใช้ฟรี 14 วัน ก่อนที่จะซื้อแผนชำระเงิน เมื่อคุณอัพเกรดแผนราคาขึ้น คุณจะได้รับฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซขั้นสูงด้วย ดังนั้นบล็อกและร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กจึงสามารถใช้ Squarespace ได้อย่างคุ้มค่า โดยทั่วไปแล้วแผนอีคอมเมิร์ซขั้นสูงนั้นมีราคาที่ถูกกว่าของเครื่องมือสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ

โดยรวมดูเหมือนว่า Squarespace มุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าคุณมีเว็บไซต์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และแผนการฟรีสามารถให้คุณได้รับประสบการณ์และมีเว็บไซต์ที่ดีที่สุด

ฟีเจอร์อื่นๆ

จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของ Squarespace คือการออกแบบ แต่มีจุดอื่นอีกสองสามอย่างที่คุณควรทราบ:
  • ร้านค้าออนไลน์: การเพิ่มผลิตภัณฑ์นั้นทำได้ยากกว่าการตั้งค่าร้านค้าในเครื่องมือสร้างไซต์ปกติเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ต่างจากเครื่องมือสร้างอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ หลังจากทดสอบเครื่องมือสร้างเหล่านี้และเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับร้านค้าออนไลน์ ฉันสังเกตเห็นว่าฟังก์ชั่นอีคอมเมิร์ซที่มีความทันสมัยและมีความสามารถนั้นจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ค่อนข้างมาก และ Squarespace ก็เช่นกัน
  • แคมเปญอีเมลภายในตัว: เมื่อคุณเผยแพร่โพสต์ คุณสามารถเริ่มสร้างแคมเปญอีเมลด้วยฟีเจอร์อีเมลโดยตรงจากโพสต์ นี่เป็นความสามารถทางอีเมลแบบครบวงจรที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด – คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มการผสานรวมหรือส่วนขยายใด ๆ เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้
  • คุณสมบัติการตลาดอื่นๆ : คุณสมบัติ SEO นั้นค่อนข้างเป็นมาตรฐานสำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ แต่ก็มีคุณสมบัติทางการตลาดอื่น ๆ ที่โดดเด่นรวมอยู่ด้วย มีการผสานรวมโดยตรงกับ Instagram, Facebook และ Pinterest และแม้แต่เครื่องมือสร้าง URL เพื่อช่วยคุณติดตามแคมเปญที่ต้องชำระเงิน

#3 SITE123 – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่

best-website-builders-site123-2
การทดสอบหน้าหลักของ SITE123
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 8/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 7/10
การกำหนดราคา 8/10
จำนวนเทมเพลต 180+
จำนวนแอพพลิเคชั่น 80+
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือแก้ไขของ SITE123 นั้นใช้งานง่ายและสามารถปรับเปลี่ยนหน้าเว็บของคุณได้ง่าย … หากคุณรู้ว่ามันทำงานอย่างไร เว็บไซต์ของฉันเริ่มต้นเป็นเว็บไซต์หน้าเดียวและฉันใช้เวลา 20 นาทีในการหาว่าเมื่อคุณเพิ่มบล็อก คุณต้องปรับการตั้งค่าไม่ให้มันปรากฏในหน้าแรก แต่ต้องอยู่ในเมนูการนำทาง เมื่อฉันชินแล้ว การสร้างเว็บทดลองกับ SITE123 ก็ทำได้ค่อนข้างเร็ว ฉันสร้างเว็บทั้งหมดได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง (รวม 20 นาทีในการแก้ปัญหา)
SITE123’s interface for adding and reordering pages or sections
อินเทอร์เฟซของ SITE123 สำหรับการเพิ่มและจัดลำดับหน้าหรือส่วนต่าง ๆ
โดยทั่วไปอินเทอร์เฟซไม่ได้ใช้งานง่ายเท่าไหร่: คุณอาจต้องคลิกไปรอบ ๆ สักครู่เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณพบปัญหา ไลฟ์แชทนั้นค่อนข้างตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเป็นประโยชน์ – พวกเขาตอบคำถามของฉันภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที

อินเทอร์เฟซสำหรับแต่ละฟีเจอร์ เช่นบล็อกและร้านค้าออนไลน์นั้นค่อนข้างใช้งานง่าย มันไม่ได้ให้ความรู้สึกทันสมัยเหมือนอย่าง Wix หรือ Squarespace แต่นั่นไม่ใช่ได้สะท้อนถึงรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ที่เครื่องมือสร้างนี้สามารถสร้างได้

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

คุณไม่สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณได้อย่างอิสระบน SITE123 ได้เหมือนที่คุณทำได้บน Wix แต่คุณยังสามารถปรับแต่งค่าได้มากมาย มีเทมเพลตการออกแบบมากกว่า 180 รายการรวมถึงเลย์เอาท์หน้าเพจ 14 หมวดหมู่ รวมถึง ข้อความ แกลเลอรี ภาพกิจกรรมและแม้แต่การจองร้านอาหาร

ประเภทหน้าเพจเหล่านี้สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้โดยการเพิ่มบล็อก แต่คุณมีข้อจำกัดบางอย่างตามรูปแบบที่คุณเลือก ตัวอย่างเช่น ฉันเลือกเทมเพลตหน้าเกี่ยวกับเว็บไซต์ แต่ไม่สามารถฝังวิดีโอได้ตามที่ต้องการ ฉันถามฝ่ายสนับสนุนผ่านไลฟ์แชทและได้รับแจ้งว่าการฝังวิดีโออนุญาตเฉพาะในบางประเภทหน้าเว็บ:
SITE123’s live chat support feature
ฟีเจอร์ไลฟ์แชทของ SITE123
ฉันหน้านั้นซ้ำอีกครั้งให้เป็นหน้าข้อความพื้นฐาน แทนที่จะใช้เลย์เอาท์หน้าเกี่ยวกับเว็บไซต์เพื่อแก้ไขปัญหา

สิ่งที่ SITE123 ขาดก็คืออิสระในการออกแบบ แต่มันทดแทนด้วยประโยชน์ที่สำคัญอื่น ๆ เลย์เอาท์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าช่วยให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะดูสวยงามไม่ว่าคุณจะทำอะไร– คุณจะไม่ทำให้เว็บไซต์พังเพราะว่ามีบางอย่างวางผิดตำแหน่งไปแค่นิดเดียว
SITE123 offers dozens of page layouts to help build your site
SITE123 นำเสนอเลย์เอาท์หน้าหลายสิบแบบเพื่อช่วยสร้างเว็บไซต์ของคุณ
นอกจากนี้ตำแหน่งที่สามารถเปลี่ยนสีและแบบอักษรยังน้อย นั่นหมายถึงคุณใช้เวลากับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นและใช้เวลาในการสงสัยว่าสีตรงจุดนี้หรือที่อื่น ๆ ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการแล้วหรือยังน้อยลง ความเรียบง่ายนี้ยังนำไปสู่ความเร็วในการโหลดที่เร็วขึ้นทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดี

การกำหนดราคา

SITE123 ยังมีแผนฟรีที่ใช้งานได้ดีและแผนระดับพรีเมี่ยมที่ต่ำที่สุดจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากขึ้น มีชื่อโดเมนฟรีและมีความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซ คุณจะมีตัวเลือกการปรับแต่งที่มากขึ้น หากคุณต้องการอิสระในการออกแบบมากขึ้น เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับบล็อกและธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก

ฟีเจอร์อื่นๆ

SITE123 ไม่มีฟีเจอร์พิเศษอะไรมากมาย แต่มันครอบคลุมพื้นฐานที่เครื่องมือสร้างไซต์ส่วนใหญ่นำเสนอและในวิธีการใช้งานที่ง่ายกว่าแบบอื่น ๆ นี่คือบางส่วน:
  • SEO: คุณสามารถเพิ่มแท็ก ชื่อคำอธิบาย meta และข้อความแสดงรูปภาพแทนได้ แค่นี้ นอกจากนี้ยังมีช่องแท็กคำหลัก meta แต่มันค่อนข้างล้าสมัยสำหรับ SEO ดังนั้นจึงมีฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นมากกว่าฟีเจอร์ที่ใช้งานได้
  • ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าออนไลน์นั้นค่อนข้างละเอียด ในแง่ของการเพิ่มข้อมูลผลิตภัณฑ์และมันสามารถใช้งานได้ง่ายมาก ในฐานะคนที่ไม่เคยมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมาก่อน มันมาพร้อมกับมาเป็นประเภทหน้าเว็บในตัวในแผนพรีเมียมหรือสูงกว่า ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มอะไรเป็นพิเศษเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
  • เว็บไซต์หน้าเดียว: แม้ว่าคุณสมบัตินี้จะทำให้ฉันมีปัญหามากที่สุดในตอนแรก SITE123 เป็นเครื่องมือสร้างที่ใช้ได้ง่ายที่สุดสำหรับการสร้างเว็บไซต์หน้าเดียวที่มีส่วนที่แตกต่างกันและลิงก์การนำทางอัตโนมัติทั่วทั้งหน้า เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผลงานส่วนตัวและเว็บไซต์อีเว้นท์ที่ต้องการเพียงหน้าเดียว

#4 IONOS – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น

ionos-featured-image
เว็บทดลองของฉันกับ IONOS (เทมเพลต: ธุรกิจ)
เกณฑ์ คะแนน/เต็ม
ความง่ายในการใช้งาน 9/10
ความยืดหยุ่นของดีไซน์ 8/10
ราคา 8/10
จำนวนเทมเพลต 18
แอปพลิเคชั่นที่มีให้ 0

ความง่ายในการใช้งาน

IONOS มีเครื่องมือสร้างเว็บไซต์สองอัน: MyWebsite Now และ MyWebsite Creator แต่เครื่องมืออันหลังนี้เน้นในการให้บริการแก่ผู้ใช้และดีไซน์เนอร์ที่มีประสบการณ์ แต่ฉันจะเน้นการรีวิวนี้ไปที่ MyWebsite Now เพราะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ และMyWebsite Now ก็ใช้งานได้ง่ายมาก ๆ

การตั้งค่านั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แค่เลือกเทมเพลตและคลิกไปรอบ ๆ MyWebsite Now นั้นใช้เวลาแค่พักเดียวก็เข้าใจการทำงานของมันได้ ถ้าคุณเคยใช้เครื่องมือสร้างเว็บมาก่อน ก็จะไม่ต้องใช้เวลานานเลย

แต่อย่างไรก็ตามในบางครั้งฉันก็เกิดการสับสนกับวิธีการทำงานของ IONOS เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น มีการแยกระหว่างการเพิ่มและการแก้ไของค์ประกอบต่าง คุณต้องไปที่ “Section editor” เพื่อเพิ่มบางอย่างในส่วนพื้นที่ของเว็บไซต์ (เช่น ปุ่มต่าง ๆ ) จากนั้นก็ต้องย้อนกลับเพื่อไปปรับแต่งส่วนนั้น ถ้าคุณชินกับมันแล้วมันก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่
ionos-section-options
การแยกส่วนการเพิ่มและแก้ไขนั้นทำให้ฉันสับสนอยู่พักใหญ่ ๆ แต่เมื่อคุณชินกับมันแล้ว มันก็ใช้งานได้ง่ายพอสมควร
โดยรวมแล้วมันแทบไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การใช้งานใด ๆ เลย MyWebsite Now ให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์จากบล็อกเนื้อหาสำเร็จรูป คุณสามารถเพิ่มส่วนต่าง ๆ อย่างเช่น แกลลอรี ช่องหรือฟอร์มติดต่อ เลือกเลย์เอาท์ที่คุณชอบจากนั้นก็แก้ไขใส่ข้อความหรือรูปภาพได้เลย

คุณไม่ต้องเสียเวลาในการปรับแต่งนาน ฉันรู้สึกดีใจมากที่ฉันสามารถสร้างเว็บได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ถ้าคุณเจอปัญหาในการใช้งาน บริการก็มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคำแนะนำ เคล็ดลับและเกร็ดความรู้ต่าง ๆ และยังมีการช่วยเหลือลูกค้าผ่านโทรศัพท์อีกด้วย

ความยืดหยุ่นของดีไซน์

เครื่องมือ MyWebsite Now มีตัวเลือกเทมเพลตมากมาย ตัวเลือกเหล่านั้นทั้งดูสวยงามสะอาดตา ทันสมัยและสามารถใช้งานได้บนมือถือ แต่ก็มีตัวเลือกไม่เยอะนัก ตอนนี้มีเพียงแค่ 18 เทมเพลตให้เลือก มีแค่ 1 เทมเพลตต่อ 1 อุตสาหกรรม ถึงจะมีตัวเลือกไม่มาก แต่มันก็สามารถปรับแต่งให้เข้ากับคุณได้ง่าย

IONOS มีตัวเลือกในการปรับแต่งมากมาย คุณสามารถตั้งค่าสีและฟอนต์เพื่อใช้กับเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการสร้างสีที่กำหนดเอง รวมถึงการปรับแต่งองค์ประกอบแต่ละรายการด้วยสี ฟอนต์และระยะห่าง
ionos-customization-options
ความสามารถในการตั้งค่าจานสีแบบกำหนดเองถือเป็นโบนัสสำหรับฉันสำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั่วไป
สิ่งเดียวที่ขาดหายไปก็คือคือตัวเลือกในการลากและวางองค์ประกอบไปทุกที่ที่ฉันต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถลากปุ่มไปไว้ตรงกลางบล็อกที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าได้หรือสามารถเพิ่มองค์ประกอบได้แค่อันเดียวหรือบางครั้งก็ไม่ได้เลย มันไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไร แต่มันก็หมายความว่าฉันไม่สามารถทำให้เว็บไซต์ของฉันมีหน้าตาตรงตามที่ฉันต้องการได้

เครื่องมือ MyWebsite Creator มีตัวเลือกการปรับแต่งที่มากกว่า แต่ตัวเลือกนี้ไม่เหมาะกับผู้ใช้เริ่มต้น

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ

IONOS มีตัวเลือกให้คุณอัพเกรดเป็นเว็บอีคอมเมิร์ช และนี่เป็นหนึ่งในแผนอีคอมเมิร์ชที่ถูกที่สุด ถ้าคุณต้องการร้านค้าออนไลน์ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน นี่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

ในเรื่องราคา เครื่องมืออีคอมเมิร์ซไม่ดีเท่ากับเครื่องมืออีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ เหมือน Shopify หรือ BigCommerce คุณจะได้รับการจัดการสินค้าคงคลัง ตัวเลือกผลิตภัณฑ์จำนวนไม่มาก การตั้งค่าภาษีและการจัดส่ง และบล็อกเนื้อหาสำหรับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องลงในหน้าเว็บและยังสามารถขายทั้งสินค้าดิจิทัลและสินค้าที่จับต้องได้อีกด้วย

IONOS ให้คุณสามารถสร้างส่วนลดและคูปอง สร้างอีเมลแจ้งรถเข็นที่ถูกทิ้งและผสานการทำงานเพื่อขายโดยตรงจากผ่าน Facebook, Instagram, Google Shopping, eBay และ Amazon เครื่องมือสร้างบางรายในรายการนี้สงวนฟีเจอร์เหล่านี้ไว้สำหรับแผนอีคอมเมิร์ซแบบพรีเมียมเท่านั้น แต่ IONOS รวมฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ในแผนมาตรฐาน

ราคา

ถ้าคุณเลือก MyWebsite Now (ซึ่งเป็นตัวเลือกที่แนะนำสำหรับมือใหม่) บริการนี้มีสองแผนให้เลือก: Starter และ Online Store Starter ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจะขายอะไร

แผน Starter มาพร้อมกับเทมเพลต ตัวเลือกดีไซน์ ธีมสี โดเมนฟรีหนึ่งปีและอีเมลระดับมืออาชีพ แผน Online Store Starter นำเสนอเครื่องมือร้านค้าออนไลน์ เช่น รายการผลิตภัณฑ์ ตัวเลือกการชำระเงิน ตัวเลือกการจัดส่งและการรวบรวม เครื่องมือทางการตลาด แลการผสานรวมสำหรับการขายสินค้าของคุณผ่านโซเชียลมีเดีย

บริการนำเสนอการทดลองใช้ฟรีเพื่อให้คุณทดสอบเครื่องมือได้ แต่ที่น่ารำคาญคือ IONOS นำเสนอบริการฟรีแก่ผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกรายเดือนเท่านั้น หากคุณเลือกแผนรายปี (ซึ่งถูกกว่ามาก) คุณจะไม่ได้รับบริการฟรีหนึ่งเดือน แต่จะได้รับส่วนลดสำหรับ 12 เดือนแรกแทน

แต่อย่างไรก็ตามบริการนำเสนอการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ดังนั้นหากคุณยกเลิกบริการภายใน 30 แรก คุณก็จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อสมัครสมาชิก

ฟีเจอร์อื่น

IONOS ไม่ได้มีฟีเจอร์นำเสนอมากเท่าไหร่ ไม่มีแอปเพิ่มเติมที่เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงาน แต่บริการก็มีบริการพื้นฐานที่ครอบคลุม รวมถึง:
  • เครื่องมือ SEO: MyWebsite Now มาพร้อมกับเครื่องมือ SEO พื้นฐาน รวมถึงการตั้งชื่อเพจ คำอธิบายและรูปภาพสำหรับการแชร์บนโซเชียลมีเดีย
  • Analytics: คุณสามารถติดตามผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ในตัวของ IONOS
  • GDPR: แบนเนอร์คุกกี้ที่สำเร็จรูปเป็นวิธีที่ง่ายมากในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นไปตาม GDPR
  • ไลบารีรูปภาพ: คุณสามารถเข้าถึงคลังภาพปลอดค่าลิขสิทธิ์มากกว่า 17,000 ภาพ เพื่อช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณดูดีขึ้นได้ แม้ว่าคุณจะไม่มีทักษะการถ่ายภาพก็ตาม

#5 WordPress.comเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับบล็อก

My WordPress.com Test Website Homepage
การทดสอบหน้าหลักของ WordPress.com (ธีม: Twenty Twenty)
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 6/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 8/10
การกำหนดราคา 9/10
จำนวนเทมเพลต เทมเพลตบุคคลที่สามกว่า 140+ รายการ
จำนวนปลั๊กอิน ~ 50K (บุคคลที่สาม)
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือแก้ไขบล็อก Gutenberg ของ WordPress.com นั้นค่อนใช้งานได้ค่อนข้างง่ายหากคุณเข้าใจคอนเซปท์ของการใช้บล็อกเพื่อสร้างเลย์เอาต์ คุณสามารถ เริ่มสร้างเพจจากเทมเพลตที่มีอยู่ เพื่อปรับปรุงให้เป็นดีไซน์ในแบบของคุณและมีบล็อกหลายประเภทให้เลือก สิ่งเหล่านี้ถูกจัดหมวดหมู่ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ
WordPress.com has dozens of blocks to choose from
WordPress.com มีบล็อกให้เลือกมากมาย
มากกว่าเครื่องมือแก้ไขอื่น ๆ ในรายการนี้ ฉันพบว่าสิ่งนี้น่ารำคาญเล็กน้อย บางครั้งมันจัดวางบล็อกในตำแหน่งที่คลาดเคลื่อนเล็กน้อย ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ซึ่งหมายความว่าฉันต้องแก้ไขงานซ้ำบางส่วนหรือคัดลอกบล็อกที่มีอยู่เพื่อให้มันทำงานได้อย่างถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนทำให้น่ารำคาญ

ในแผนธุรกิจหรือสูงกว่าคุณจะมีตัวเลือกในการติดตั้งElementor ซึ่งเป็นปลั๊กอินที่การแก้ไขแบบลากและวาง

ในขณะที่ทุกอย่างภายในเครื่องมือแก้ไขมีการระบุไว้อย่างชัดเจนแต่ว่าคุณกลับต้องกลับไปกลับมาเพื่อแก้ไขให้ได้ทุกอย่างอยู่ในที่ที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ในการแก้ไขสีพื้นหลังคุณต้องออกจากเครื่องมือแก้ไขบล็อกและไปที่เครื่องมือปรับแต่ง แล้วย้อนกลับ ซึ่งมันรู้สึกไม่ลื่นไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ ที่การปรับแต่งและการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างสามารถทำได้ในอินเทอร์เฟซเดียวกัน

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

ตัวเลือกการปรับแต่งนั้นแตกต่างกันมากและขึ้นอยู่กับธีมที่คุณเลือก ชุดรูปแบบแรกของฉันไม่ให้ฉันเปลี่ยนสีหรือแบบอักษร แต่ชุดที่สองที่ฉันเลือกอนุญาตให้ฉันแก้ไขได้มากกว่า ดูเหมือนว่าธีมที่สร้างขึ้นล่าสุดของ WordPress จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ฉันใช้ธีมที่ชื่อ Twenty Twenty สำหรับเว็บไซต์ทดสอบ WordPress ของฉัน ในขณะที่ธีมของบุคคลที่สามนั้นมีความสามารถนี้แบบขาด ๆ เกิน ๆ
WordPress.com’s customizer varies based on your template
เครื่องมือปรับแต่ง WordPress.com นั้นแตกต่างกันไปตามเทมเพลตของคุณ
มีเทมเพลตของหน้าเว็บเพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นการออกแบบของคุณได้ แต่คุณสามารถก็เริ่มต้นด้วยหน้าเปล่าและเพิ่มบล็อกในสิ่งที่คุณต้องการได้ด้วยเช่นกัน มีความสมดุลที่ดีของอิสรภาพและคำแนะนำเมื่อพูดถึงความยืดหยุ่นในการออกแบบ: หากคุณสร้างเว็บไซต์แรกของคุณมันอาจดูเป็นเรื่องยากในตอนแรกและหากคุณเป็นนักออกแบบที่มีประสบการณ์ คุณรู้สึกว่าคุณไม่ถูกจำกัดด้วยเทมเพลตที่มีอยู่

ความยืดหยุ่นของ WordPress.com ครอบคลุมไปถึงการใช้งานด้วยเช่นกัน ด้วยปลั๊กอินหลายพันรายการที่สามารถเพิ่มการวิเคราะห์แบบฟอร์มการติดต่อ SEO และเกือบทุกอย่างที่คุณสามารถนึกถึงได้ ปลั๊กอินนั้นเข้ากันได้กับโปรแกรมแก้ไขบล็อกส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีธีมที่เหมือนกัน แต่เครื่องมือสร้างของบุคคลที่สามอาจมีข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำได้ (โปรดทราบว่าคุณต้องมีแผนธุรกิจหรือสูงกว่าเพื่อติดตั้งปลั๊กอิน)

การกำหนดราคา

WordPress.com มีช่วงราคาที่กว้างมาก (นอกจากนี้ยังมีแผนบริการฟรี)และมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างแต่ละแผน แผนที่ต่ำที่สุดมีราคาไม่แพงมากและเพียงพอสำหรับนักเขียนบล็อกหรือฟรีแลนซ์ที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีราคาต่ำ แผนธุรกิจจะสามารถเข้าถึงปลั๊กอิน ธีมที่กำหนดเองและคุณสมบัติขั้นสูงอื่น ๆ แต่ด้วยทุกสิ่งที่มีให้จึงคุ้มค่ากับราคา

ฟีเจอร์อื่นๆ

ปลั๊กอินประกอบไปด้วยฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ WordPress.com แต่ก็มีฟีเจอร์ในตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะดวกและฉันเคยไม่เห็นในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ :
  • ภาพที่มาจาก Pexels และเว็บไซต์สต็อกรูปภาพอื่น ๆ จะถูกเพิ่มโดยอัตโนมัติ
  • สามารถอัพโหลดวิดีโอได้โดยตรง
  • ตัวเลือกการนำเข้า/ส่งออกส่วนใหญ่ระหว่างแพลตฟอร์ม
  • ความเร็วในการโหลดที่เร็วที่สุดบนเดสก์ท็อปและมือถือ

#6 เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Hostinger – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ยืดหยุ่นและเรียบง่ายที่สุด

Zyro featured products homepage block
มันอาจจะดูเหมือนเป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่เรียบง่าย แต่เราคิดว่าเว็บไซต์ Hostinger ของเรานั้นเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีหน้าตาดูดีที่สุด
เกณฑ์ คะแนน/เต็ม
ความง่ายในการใช้งาน 6/10
ความยืดหยุ่นของดีไซน์ 4/10
ราคา 4/10
เทมเพลทที่ใช้งานได้ 140+
แอปพลิเคชั่นที่มีให้ ไม่มี

ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Hostinger นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ ตอนที่เราเป็น “มือใหม่สำหรับ Hostinger” เราใช้เวลาแค่ไม่ถึงห้านาทีก็เริ่มเข้าใจพื้นฐานของมันแล้ว ข้อเสียหนึ่งก็คือ Hostinger จะไม่มีเช็คลิสต์สำหรับเริ่มต้นและก็ไม่มี wizard คอยแนะนำ แต่คลิก ๆ เลื่อน ๆ ไปไม่นาน คุณก็สามารถเข้าใจได้เองแล้ว ทุกอย่างนั้นเข้าใจง่ายมาก

ถึงจะทราบเป็นเช่นนั้นแล้วก็ตาม แต่เนื่องจาก Hostinger นั้นใช้งานแตกต่างจากเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ เล็กน้อย ก็มีบางช่วงที่เราใช้แล้วรู้สึกติด ๆ อยู่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเรื่องปุ่ม มันไม่อยู่ในจุดที่เราคิดว่ามันควรจะอยู่…แต่นั่นน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ก่อนหน้าของเราเอง ดังนั้นจริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้น

เพื่อที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณนั้นง่ายยิ่งขึ้น Hostinger นั้นจะมีเครื่องมือ AI ให้ใช้งานมากมาย หากคุณรู้สึกตัน ๆ คิดอะไรไม่ออก ก็มีเครื่องสร้างชื่อธุรกิจด้วย AI มีเครื่องมือสร้างสโลแกน มีเครื่องมือสร้างหัวข้อบล็อก และมี AI เขียนเนื้อหาที่ถูกหลัก SEO ให้กับคุณด้วย

เนื้อหาที่ถูกสร้างมา เราลองดูแล้วก็รู้สึกว่ายังเฉย ๆ – และบอกตามตรงว่าเราชอบที่จะเขียนเนื้อหาของเราเองมากกว่า แต่มันก็อาจจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ ถ้าคุณรู้สึกติดและก็เขียนอะไรไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
Zyro AI Tools e1618301566760
เราไม่มั่นใจนักเรื่องที่จะให้ AI มาเขียนเนื้อหาให้ทั้งเว็บไซต์ของเรา แต่อย่างน้อยถ้าคุณอยากใช้ มันก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีให้คุณ[
โดยรวมแล้วฟีเจอร์ทั้งหมดของ Hostinger นั้นก็ค่อนข้างเรียกได้ว่ามินิมอล ซึ่งก็ช่วยในด้านของความสะดวกในการใช้งาน เนื่องจากมันไม่เยอะเกินจนทำให้คุณต้องปวดหัว ข้อเสียก็คือ Hostinger อาจจะขาดฟีจอร์บางประการ ที่คุณกำลังมองหา

ยกตัวอย่างในกรณีของเรา เราไม่สามารถเพิ่มปฏิทินไปหน้าอีเว้นท์ได้ เราลองถามไลฟ์แชทฝ่ายบริการลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็บอกว่าเราต้องสร้างปฏิทินผ่านผู้ให้บริการภายนอก และก็ฝังโค้ดเข้าไปในเว็บของเรา ไม่ค่อยเหมาะเท่าไร

ความยืดหยุ่นของดีไซน์

สำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดูเรียบง่ายแล้ว Hostinger นั้นมี ความยืดหยุ่นในการออกแบบค่อนข้างสูง เทมเพลตนั้นก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะถูกบังคับให้ใช้งานได้เฉพาะตามที่ถูกออกแบบมาเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกโทนสีในภาพรวมสำหรับเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นได้ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องใช้เฉพาะสีในโทนนั้นเท่านั้น อันที่จริง คุณสามารถปรับแต่งสีของแต่ละองค์ประกอบได้ตามที่คุณต้องการเลย
Zyro setting button color
ไม่มีการบังคับใช้สีเดียว! เราชอบที่ Hostinger เปิดให้สามารถปรับแต่งแต่ละองค์ประกอบได้
พอพูดถึงฟอนต์แล้ว คุณก็จะต้องตั้งค่าสไตล์ของหัวข้อและแต่ละย่อหน้าของทั้งเว็บไซต์ – แต่นั่นก็เป็นวิธีการออกแบบที่ดี จึงไม่เรียกว่าเป็นข้อเสีย

การปรับขนาด ตำแหน่ง และองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วยการใช้โปรแกรมลากวางนั้นก็ง่ายมาก Hostinger ใช้เลย์เอาต์แบบตาราง ซึ่งหมายความว่าแต่ละองค์ประกอบนั้นจะถูกยึดติดกับตาราง ในขณะที่คุณสามารถลากวางมันได้ทั่วหน้า

อาจจะต้องใช้เวลาสักนิดถึงจะชิน – หลายครั้งที่ปุ่มหรือบล็อกข้อความที่เราวางนั้นลอยไปจากตำแหน่งที่เราวาง – แต่โดยรวมเราก็ชอบฟีเจอร์นี้อยู่ คุณจะไม่สามารถวางทุกสิ่งไว้ตามจุดที่คุณต้องการได้ (นี่ไม่ใช่ Wix) แต่มันก็เป็นวิธีการที่ดีที่จะทำให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณดูมีระเบียบและจัดพื้นที่ได้ดี

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซของ Hostinger นั้นจะมีให้ใช้งานเฉพาะในแพลนระดับอีคอมเมิร์ซขึ้นไปและก็ มีคุณภาพและใช้งานง่าย คุณต้องออกจากหน้าปรับแต่งเว็บไซต์และเข้าไปที่ “Store Manager” (ตัวจัดการร้าน) เพื่อเริ่มสร้างเว็บไซต์ร้านของคุณ แต่การเปลี่ยนไปมาระหว่างทั้งสองหน้านั้นก็ง่ายมาก

Hostinger ยังมีรายการแบบเป็นขั้นตอนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณด้วย มันจะช่วยให้คุณทำตามขั้นตอนพื้นฐานต่าง ๆ เช่นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ การระบุตัวเลือกจัดส่ง และการเลือกวิธีการชำระเงิน

เมื่อถึงขั้นตอนการจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ การติดตามคงคลัง และการสร้างตัวเลือกผลิตภัณฑ์ แล้วจะเริ่มซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย (เรื่องสุดท้ายนี่ทำให้เราเจอข้อความผิดพลาดอยู่หลายนาทีเลยเหมือนกัน) แน่นอนว่าซับซ้อนไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ และเราก็สามารถหาทางออกได้ในที่สุด

เรื่องหลัก ๆ ที่กวนใจเราเลยก็คือ Hostinger ไม่มีบล็อกแบบสร้างสำเร็จสำหรับไว้แสดงผลิตภัณฑ์หลัก ในหน้าโฮมเพจ – ซึ่งมันเป็นฟีเจอร์พื้นฐานมากสำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ ทางเลือกของเราก็คือการแทรกหน้าร้านทั้งหน้าของเราเพิ่มเข้าไป แปลกมาก
Zyro featured products homepage block
เราไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไม Hostinger ถึงไม่มีบล็อกสำหรับแสดงผลิตภัณฑ์หลัก!

ราคา

ราคาแพลนระดับพรีเมียมของ Hostinger นั้นค่อนข้างถูกมาก – และก็ถือว่ามันคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณได้รับ ถ้าคุณเลือกจ่ายเป็นรายปีก็ยิ่งถูกลงไปอีก และมันก็ยังมีชื่อโดเมนฟรีให้ใช้งานสำหรับปีแรกด้วย

แต่ถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ ก็ต้องบอกว่า Hostinger ก็เหลี่ยมจัดเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ราคาที่พวกเขาโฆษณานั้นมาจากสมมติฐานว่าคุณจะทำสัญญาผูกมัดสี่ปี เป็นการผูกมัดที่ยาวนานมาก หากคุณคิดเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มในแต่ละเดือนแล้ว คุณอาจจะใช้เงินได้คุ้มค่ากว่านี้จากผู้บริการรายอื่น – โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Hostinger มีคะแนน PageSpeed Insight ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

และมันก็เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดมากที่ไม่มีให้ทดลองใช้ฟรี ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่ของ Hostinger เขามีให้ถ้าพวกเขาไม่มีแพลนระดับฟรี โดยส่วนตัวแล้ว เราค่อนข้างรู้สึกไม่โอเคเล็กน้อยที่ต้องหยิบบัตรเครดิตออกมาก่อนที่เราจะได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์เสียอีก ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม Hostinger ก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้น…ก็เรียกได้ว่าทดลองใช้ฟรีแบบย้อนหลังมั้ง?

ฟีเจอร์อื่น

ในฐานะเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่างง่าย Hostinger นั้นก็ไม่มีฟีเจอร์พิเศษอะไรมากมายนัก แต่มันก็มีฟีเจอร์พื้นฐานที่ครอบคลุม ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของมันประกอบไปด้วย:
  • เครื่องมือ SEO และการตลาดที่ครอบคลุม ประกอบไปด้วย heat maps (สำหรับใช้ติดตามว่าผู้ใช้งานมีปฏิสัมพันธ์กับส่วนไหนของเว็บไซต์มากที่สุด), การบูรณาการร่วมกับ Facebook Pixel, Facebook Live Chat, Google Analytics และ Google Tag Manager
  • โปรแกรมสำหรับปรับแต่งเพื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่และเดสก์ท็อปโดยเฉพาะเพื่อให้ใช้งานแยกกัน
  • แอปสำหรับทั้ง iOS และ Android สำหรับใช้จัดการร้านค้าของคุณในขณะเดินทาง
  • เครื่องมือนำเข้าเว็บไซต์ซึ่งสามารถนำเข้าข้อความและรูปภาพจากเว็บไซต์ที่คุณมีอยู่แล้วเข้าสู่ Hostinger

#7 Webnode – ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเว็บหลายภาษา

My Webnode Website
ฉันสามารถสร้างเว็บทดลองด้วย Webnode ได้ใน 45 นาที
เกณฑ์ คะแนน/เต็ม
ความง่ายในการใช้งาน 6/10
ความยืดหยุ่นของดีไซน์ 4/10
ราคา 4/10
เทมเพลทที่ใช้งานได้ 110+
แอปพลิเคชั่นที่มีให้ ไม่มี

ความง่ายในการใช้งาน

Webnode สามารถทำอะไรได้หลายอย่างและทำได้ง่ายอีกด้วยคุณสามารถเพิ่มเนื้อหาลงในเทมเพลตของคุณโดยเลือกบล็อกเนื้อหาจากเมนูบนเครื่องมือแก้ไขได้โดยตรง นอกจากนี้ตัวเลือกในการเปลี่ยนดีไซน์ เพิ่มรูปภาพและสิ่งอื่น ยังแสดงอยู่ใกล้ กับคุณไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ต้องไหนก็ตามอีกด้วย ซึ่งฉันชอบมันอย่างมาก ฉันไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเมนูและเว็บไซต์
Webnode content blocks
Webnode มีบล็อกเนื้อหามากถึง 13 แบบให้เลือก
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำอยู่ทั่วอินเทอร์เฟซของเครื่องมือแก้ไขเพื่อช่วยบอกว่าคุณต้องไปที่ใดเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการนำทางหรืออัปเดตการตั้งค่าหน้าอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์มาก แต่มีรายละเอียดไม่มากเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น ฉันต้องใช้ความพยายามหลายครั้งเพื่อหาวิธีจัดการบล็อกโพสต์ แม้จะมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ตลอดการใช้งาน ฉันยังต้องเพิ่มร้านค้าออนไลน์อีกสองครั้งเพราะอินเทอร์เฟซเพิ่มผลิตภัณฑ์ไม่ปรากฏขึ้นในครั้งแรก

โดยรวมแล้ว Webnode นั้นไม่ได้ใช้งานได้ง่ายอย่างที่คิด ฉันรู้สึกว่าฉันต้องคลิกมากกว่าที่จำเป็นเพื่อทำสิ่งที่ต้องการ แต่หลังจากที่เรียนรู้การใช้งานมากขึ้น มันก็ดีขึ้นบ้าง

ความยืดหยุ่นของดีไซน์

ความยืดหยุ่นในการออกแบบเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของฉันกับ Webnode คุณสามารถเลือกสีเสริมได้เพียงสีเดียวเพื่อให้เข้ากับเทมเพลตพื้นฐานของคุณ และสีนั้นสามารถปรากฏในห้าตำแหน่งเท่านั้น ทุกอย่างอื่นถูกตั้งค่าตามสีเทมเพลตเริ่มต้นของคุณ

คุณไม่มีตัวเลือกในการเพิ่มสีที่กำหนดเอง ซึ่งอาจเป็นปัญหาได้หากคุณมีสีของแบรนด์ที่เฉพาะเจาะจง บริการมีเทมแพลตที่อาจใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการแต่ถ้าคุณต้องการสร้างเฉดสีที่ต้องการขึ้นใหม่ โชคอาจไม่เข้าข้างคุณนัก
Webnode editor
คุณไม่สามารถเลือกสีแยกสำหรับองค์ประกอบทั้งห้านี้ได้
เพื่อทำให้การใช้งานน่ารำคาญยิ่งขึ้นไปอีก คุณต้องออกจากโปรแกรมแก้ไขเนื้อหาและไปที่การตั้งค่าการออกแบบทุกครั้งที่คุณต้องการเปลี่ยนสี การยากสลับไปมาระหว่างทั้งสองตัวเลือกนี้ทำได้ยากมากพอแล้วและการตั้งค่าสีก็หาได้ยากเข้าไปอีก

การเลือกแบบอักษรก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน แต่เครื่องมือนี้ก็มีส่วนให้ชมเหมือนกัน: เครื่องมือมีตัวเลือกภาพมากมายสำหรับการเปลี่ยนภาพพื้นหลังในเกือบทุกส่วนของเนื้อหา คุณสามารถเลือกจากภาพสต็อกและรูปแบบหรืออัปโหลดของคุณเองก็ได้ และเครื่องมือมีตัวกรองให้เลือกมากมายเพื่อความหลากหลายมากขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วฉันอยากได้ความสามารถในการกำหนดสีเองมากกว่า แต่อย่างน้อยWebnode ก็มีความยืดหยุ่นในการออกแบบอยู่เหมือนกัน

ราคา

Webnode มีแผนชำระเงินสี่แผน และคุณจะต้องเลือกหนึ่งในสองแผนสูงสุด หากคุณต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์หรือต้องการสร้างเว็บหลายภาษา แผนระดับสูงสุดมาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้นและฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ตัวเลือกสินค้าสำหรับร้านค้าออนไลน์และเว็บไม่จำกัดภาษา

แผนของ Webnode ไม่ได้คุ้มค่าที่สุดสำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั้งหมดในรายการนี้ เพราะมีตัวเลือกการปรับแต่งที่มีข้อจำกัด แต่ Webnode เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการสร้างเว็บในหลายภาษา

ฟีเจอร์อื่น

ฉันได้พูดคุยเกี่ยวกับฟีเจอร์การสนับสนุนหลายภาษา ซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก มันทำให้คุณสามารถมอบประสบการณ์เว็บไซต์เดียวกันสำหรับผู้ใช้ภาษาต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ Webnode ก็นำเสนอฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมอื่น ๆ เหมือนกัน:
  • การตั้งค่า Page-level SEO พร้อมช่องสำหรับโค้ด HTML ที่กำหนดเอง
  • เครื่องมือสร้างแบบฟอร์มที่ปรับแต่งได้อย่างสมบูรณ์ (สำหรับแบบฟอร์มการติดต่อ ฯลฯ)
  • ตัวเลือกการลงทะเบียนสมาชิก (ตัวเลือกสองแผนสูงสุด)
  • บล็อกเนื้อหาวิดีโอพื้นหลังสำหรับส่วนหัวหรือส่วนอื่น ๆ ของหน้า
  • บัญชีอีเมลสูงสุด 100 บัญชีในโดเมนของคุณ ขึ้นอยู่กับแผนของคุณ

#8 Volusion [อีคอมเมิร์ซ] – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่

My Volusion test website homepage
การทดสอบหน้าหลักของ Volusion (ธีม: Portland 1845)
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 6/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 9/10
การกำหนดราคา 7/10
จำนวนเทมเพลต 14
จำนวนแอพพลิเคชั่น 14
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

ฉันชอบสิ่งต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Volusion: แถบด้านข้างที่ใช้งานง่ายกระบวนการเพิ่มผลิตภัณฑ์นั้นละเอียดแต่มีความคล่องตัวและง่ายต่อการค้นหาวิธีการติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงคลังและอื่นๆ รายการการนำทางแต่ละรายการในแผงควบคุมนั้นมีรหัสสีและมีไอคอนที่ไม่เหมือนใคร อินเทอร์เฟซของพวกเขาจึงดูสวยงาม น่าดึงดูดและใช้งานง่าย

ขณะที่ฉันกำลังสร้างเว็บไซต์ Volusion ของฉันก็มีบางสิ่งที่ทำได้ยากขึ้น Volusion ไม่มีฟีเจอร์บล็อกในตัว ดังนั้นคุณต้องใช้งานฟีเจอร์นี้จาก WordPress หรือแพลตฟอร์มบล็อกอื่น ๆ มันฟังดูง่ายในด้านทฤษฎี แต่มันไม่ชัดเจนว่าคุณจะต้องตัด “https: //” ออกจากส่วนต้นของ URL บล็อกของคุณหรือไม่

คุณไม่สามารถเพิ่มแบบฟอร์มการติดต่อโดยตรงซึ่งฉันคิดว่ามันไม่โอเคเอาเสียเลย ฉันถามฝ่ายสนับสนุนในไลฟ์แชทเกี่ยวกับเรื่องนี้และพวกเขาบอกว่าฉันอาจจะสามารถเพิ่มโดยใช้ HTML ที่กำหนดเองได้ แต่พวกเขาไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนกับฉันได้ แม้ว่าการสนับสนุนจะมีประโยชน์และรวดเร็วโดยรวม แต่การที่ฉันต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคเพื่อเพิ่มฟีเจอร์มาตรฐานในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ (และสิ่งที่สำคัญสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ) นั้นเป็นอะไรที่ไม่สะดวกเอาเสียเลย
Live chat support’s response to adding a contact form
การตอบกลับจากไลฟ์แชทเกี่ยวกับการเพิ่มแบบฟอร์มการติดต่อ
ในขณะที่การแก้ไขเว็บไซต์ของคุณนั้นทำได้อย่างราบรื่นและง่าย แต่การนำทางสลับไปมาระหว่างเครื่องมือแก้ไขและเครื่องมือการจัดการผลิตภัณฑ์นั้นทำให้รู้สึกเหมือนเป็นกระบวนการที่ยาวเกินไปสำหรับการแก้ไขเลย์เอาท์ร้านอย่างรวดเร็ว

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

Volusion มีความสามารถในการออกแบบมากมาย มาพร้อมกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ชั้นนำบางรายในรายการนี้ คุณสามารถปรับแต่งสีของคุณได้อย่างสมบูรณ์ มีบล็อกเนื้อหาให้เลือกน้อย แต่มันดีมากและคุณสามารถแก้ไขเลย์เอาท์บล็อกเริ่มต้นและบันทึกเพื่อใช้อีกครั้งในที่อื่นบนเว็บไซต์ของคุณ มีตัวเลือกมากมายสำหรับการปรับแต่งแต่ละบล็อคที่อยู่ในรายการเมนูดอร์ปดาวน์หรือแถบที่คุณสามารถคลิกเปิดหรือปิดได้
Categories of block layout options in the Volusion editor
หมวดหมู่ของตัวเลือกเลย์เอาท์บล็อกในเครื่องมือแก้ไข Volusion

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ

อินเทอร์เฟซอีคอมเมิร์ซของ Volusion มีสีสันสดใสและใช้งานได้ง่าย มันจะให้คำแนะนำคุณในแต่ละขั้นตอนของการเพิ่มและจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ การติดตามสินค้าคงคลังและการจัดการคำสั่งซื้อโดยแต่ละส่วนจะนำคุณไปยังขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการติดตามตัวเลือกย่อยของผลิตภัณฑ์ รวมตัวเลือกย่อยหลายแบบด้วยกันอัตโนมัติและสร้างฟอร์มรายการซึ่งคุณสามารถติดตามสินค้าย่อยคงคลังได้
Volusion’s product interface automatically generates variant combinations
อินเตอร์เฟซผลิตภัณฑ์ของ Volusion จะสร้างชุดค่าผสมที่หลากหลายโดยอัตโนมัติ

การกำหนดราคา

เครื่องมือสร้างอีคอมเมิร์ซมักจะมีราคาแพงกว่าเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั่วไปเสมอเนื่องจากมีความสามารถในการจัดเก็บและการวิเคราะห์ที่มากขึ้น Volusion นั้นมีราคาเครื่องมือสร้างอีคอมเมิร์ซเท่า ๆ กับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ในทุกระดับแผน แต่มันคุ้มค่ากับคุณ หากคุณขายผลิตภัณฑ์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง มี การทดลองใช้ฟรี 14 วัน ดังนั้นคุณสามารถดูว่ามันเหมาะสมกับคุณหรือไม่ก่อนจะซื้อบริการ

#9 Shopify [อีคอมเมิร์ซ] – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์

My Shopify website homepage
เว็บไซต์ Shopify ของฉัน
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 7/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 7/10
การกำหนดราคา 7/10
จำนวนเทมเพลต 8 ฟรี/มีค่าธรรมเนียม 70+
จำนวนแอพพลิเคชั่น 4000+
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

Shopify มีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายมากมายแต่รูปแบบของเครื่องมือแก้ไขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำงานซึ่งไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่ เครื่องมือแก้ไขหน้าแรกเป็นเครื่องมือแก้ไขแบบบล็อกเหมือน SITE123 หรือ Jimdo แต่หน้าอื่น ๆ ทุกหน้าจะถูกแก้ไขในรูปแบบข้อความคล้าย ๆ กับของ WordPress รุ่นก่อน Gutenberg
Shopify page editor
เครื่องมือแก้ไขหน้าของ Shopify
เครื่องมือจัดการผลิตภัณฑ์และเครื่องมือแก้ไขมีความคล้ายกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ดูทันสมัยเท่ากับเครื่องมือสร้างเว็บคอมเมิร์ซของรายอื่น ๆ แอพพลิเคชั่นที่ฉันใช้สำหรับแกลเลอรี่ภาพในเว็บไซต์ทดสอบ Shopify ของฉันนั้นดูมีความล้าสมัย แต่แอพพลิเคชั่นภายนอกส่วนใหญ่ก็อาจเป็นแบบนั้น

แม้บางตัวเลือกจะให้ความรู้สึกล้าสมัยแต่การการนำทางและค้นหาสิ่งที่คุณต้องการก็ยังทำได้ค่อนข้างง่าย บล็อกและแอพพลิเคชั่นมีการหมวดหมู่อย่างดีและมีการระบุไว้อย่างชัดเจนและคุณสามารถเรียงลำดับและกรองผลิตภัณฑ์ของคุณด้วยเกณฑ์ที่แตกต่างกันมากมาย

Shopify ยังมีส่วนสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่เป็นปัญหาต่อคุณ คุณก็สามารถหาคำตอบได้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ความยืดหยุ่นของการออกแบบ

Shopify มีตัวเลือกสีและแบบอักษรจำนวนมากเพื่อกำหนดธีมของคุณเองรวมถึงบล็อกที่มีให้เลือกมากมายซึ่งคุณสามารถใช้สร้างโฮมเพจของคุณได้ ความยืดหยุ่นของการจัดวางไม่ได้เป็นเช่นเดียวกันในหน้าอื่น ๆ แต่มีแอพพลิเคชั่นเครื่องมือสร้างหน้าให้เลือกนับพันรายการ ซึ่งอาจให้ความยืดหยุ่นในการออกแบบเพิ่มเติมสำหรับหน้าร้านค้าบางหน้า (อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเนื้อหาในเว็บไซต์จำนวนมากและต้องการความสามารถในร้านค้าออนไลน์อย่างมาก คุณอาจต้องใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อันอื่น)

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซของ Shopify นั้นมีจุดประสงค์การใช้งานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ค้าที่มีหน้าร้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพิ่มสถานที่และติดตามสินค้าคงคลังในแต่ละร้าน รวมถึงการถ่ายโอนไปยังและจากสถานที่ต่าง ๆ
Shopify’s inventory tracking layout
เลย์เอาท์การติดตามสินค้าคงคลังของ Shopify
นอกจากนี้พวกเขายังนำเสนอการติดตามสินค้า สินค้าคงคลังและสิ่งอื่น ๆ ที่คล้ายกับ Square Online และ BigCommerce นำเสนอ โดยรวมแล้ว Shopify เป็นตัวเลือกการสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซที่ยอดเยี่ยมมาก.

การกำหนดราคา

เครื่องมือสร้างอีคอมเมิร์ซทั้งหมดมีโครงสร้างการกำหนดราคาที่คล้ายกัน แต่ Shopify ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าสำหรับคุณ (นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้ฟรีอีกด้วย) คุณสามารถรับส่วนลดค่าจัดส่งจำนวนมาก ความสามารถในการเพิ่มที่ตั้งร้านค้าและสินค้าอื่น ๆ อีกสองสามรายการในราคาเดียวกันกับ Volusion

#10 BigCommerce [E-commerce]เครื่องมือสร้างเว็บที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการสินค้าจำนวนมาก

best-website-builders-bigcommerce-2
การทดสอบหน้าหลักของ BigCommerce (ธีม: Cornerstone Bold)
เกณฑ์ คะแนน/หมายเลข
ความง่ายในการใช้งาน 8/10
ความยืดหยุ่นของการออกแบบ 5/10
การกำหนดราคา 8/10
จำนวนเทมเพลต 12 ฟรี/มีค่าธรรมเนียม 187
จำนวนแอพพลิเคชั่น 1000+
มีให้ใช้ในภาษาไทย ไม่

ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือของ BigCommerce นั้นถูกสร้างมาสำหรับ ทีมและบริษัท หรือผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซอยู่แล้ว มันอาจจะไม่ได้ยากเสียทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้ใช้งานได้ง่ายนักหรือไม่เหมาะกับผู้ใช้ใหม่ซักเท่าไหร่

หลังจากสมัครใช้งาน คุณจะถูกพาไปยังแดชบอร์ด ซึ่งเป็นที่ที่คุณจะจัดการทุกองค์ประกอบของเว็บไซต์ของคุณ ด้วยเมนู ป๊อปอัปและเมนูดรอปดาวน์ทั้งหมด การเริ่มต้นอาจดูมีตัวเลือกเยอะมากไปหน่อย แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบคำแนะนำสั้น ๆที่อธิบายหน้าที่หลักของแดชบอร์ดให้ผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ตามบริการมีเช็คลิสเพื่อช่วยคุณเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายขึ้น
bigcommerce-dashboard
ในตอนแรก BigCommerce อาจดูมีตัวเลือกเยอะแยะเต็มไปหมด แต่พอใช้ไปไม่นานคุณก็จะเข้าใจเอง
หากคุณคุ้นเคยกับเครื่องมือสร้างเว็บ “ปกติ” การแยกเครื่องมือการจัดการผลิตภัณฑ์ เครื่องมือออกแบบไซต์และเครื่องมือสร้างเพจของ BigCommerce อาจสร้างความสับสนให้คุณในตอนแรก ตัวอย่างเช่น ฉันใช้เวลาไปครู่นึงเพื่อหาวิธีแก้ไขเมนูเว็บไซต์ในเครื่องมือสร้างเพจ ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าฉันดูผิดที่ ฉันต้องออกและแก้ไขหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ในเครื่องมือจัดการผลิตภัณฑ์เพื่อให้เมนูอัปเดต

แต่โชคดีที่ BigCommerce มีฐานข้อมูลและวิดีโอแนะนำจำนวนมาก และทุกแผนบริการยังสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงผ่านโทรศัพท์ ไลฟ์แชทและอีเมล์ได้อีกด้วย หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาสักพัก ฉันก็เข้าใจมากขึ้น

ความยืดหยุ่นของดีไซน์

BigCommerce นำเสนอเทมเพลตที่สวยงามและใช้งานได้บนมือถือจำนวนมาก แต่มีแค่ 12 เทมเพลตเท่านั้นที่ใช้ได้ฟรี แต่จำนวนนี้ก็มากกว่าที่คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Shopify หรือ Square Online นำเสนอให้แล้ว แม้ว่าจะน้อยกว่าที่เครื่องมือสร้างทั่วไปนำเสนอให้ก็ตาม

ธีมแบบชำระเงินส่วนใหญ่มีราคาอยู่ที่ 110 ถึง 220 ดอลลาร์ (บางอันมีราคาสูงถึง 300 ดอลลาร์) มันมีราคามากพอสมควรก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่มาอะไรสำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่เช่นกัน หากต้องการ คุณสามารถซื้อธีมราคาถูกจากผู้ให้บริการบุคคลที่สาม เช่น ThemeForest ได้

นอกจากนี้ BigCommerce ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งมากมาย (หากคุณเข้าใจวิธีการใช้เครื่องมือแก้ไขของ BigCommerce) การใช้เครื่องมือแก้ไขหน้าร้านและเครื่องมือสร้างเพจร่วมกัน คุณสามารถปรับแต่งสี ฟอนต์และเลย์เอาต์ของหน้าที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หรือหน้ารายการทั้งหมดได้ นอกจากนี้เทมเพลตส่วนใหญ่ยังมาพร้อมกับตัวเลือกธีมสีอีก 2-4 แบบอีกด้วย
bigcommerce-editor
BigCommerce มีตัวเลือกการปรับแต่งฟอนต์และสีจำนวนมาก
คุณยังสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหน้าผลิตภัณฑ์ได้ด้วย เช่น แก้ไขขนาดรูปภาพ จำนวนสินค้าต่อหน้า หรือการแสดงชื่อผลิตภัณฑ์ เครื่องมือสร้างเพจอาจไม่ใช่เครื่องมือขั้นสูง แต่ก็ดีพอสำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซแล้ว

ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ

ความง่ายในการใช้งานและความยืดหยุ่นในการออกแบบของ BigCommerce ไม่ได้มีความโดดเด่นซักเท่าไหร่ แต่ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซของบริการนี้มีความโดดเด่นอย่างมาก (อย่างที่คุณพอเดาได้จากชื่อ)

BigCommerce มีชุดฟีเจอร์พื้นฐานที่แข็งแกร่ง: พื้นที่เก็บข้อมูลและแบนด์วิดท์ไม่จำกัด, Google AMP สำหรับการโหลดเว็บไซต์ที่รวดเร็ว, แอปมือถือ, เครื่องมือสร้างบล็อกอย่างง่าย, ส่วนลดและคูปอง, การให้คะแนนและรีวิวผลิตภัณฑ์, การแจ้งเตือนรถเข็นที่ถูกละทิ้งและการผสานการทำงานกับผู้ให้บริการชำระเงินภายนอก (และอื่น ๆ อีกมากมาย)

BigCommerce ยังมีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่ยอดเยี่ยมอีกหลายอัน ซึ่งในความคิดของฉันแล้วการใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้นั้นคุ้มค่าสำหรับร้านค้าออนไลน์อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น BigCommerce ให้คุณขายผลิตภัณฑ์ของคุณได้ในทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่แค่เว็บไซต์ในหลายภาษา แต่ยังหมายถึงเว็บไซต์ที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป

แม้ว่าคุณจะไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ แต่บริการก็ยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของคุณ ตัวเลือกการขายหลายช่องทางของ BigCommerce เป็นตัวอย่างที่ดี คุณสามารถลงผลิตภัณฑ์ของคุณบน Amazon, eBay, Walmart, Google Shopping และตลาดบนโซเชียลมีเดียอื่น และจัดการทุกอย่างจากบัญชี BigCommerce ของคุณได้ สินค้าคงเหลือของคุณจะถูกซิงค์กับแพลตฟอร์มเพื่อไม่ให้คุณขายเกินจำนวนที่มี

นอกจากเครื่องมือ SEO ที่มีประสิทธิภาพแล้ว BigCommerce ยังมีเครื่องมือทางการตลาดที่แข็งแกร่งอีกด้วย คุณสามารถซิงค์ข้อมูลร้านค้ากับแพลตฟอร์มการตลาดผ่านอีเมล เช่น MailChimp, G Suite และ Constant Contact ในแผน Plus ขึ้นไป คุณสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าของคุณออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ และทำการตลาดกับพวกเขาด้วยวิธีที่แตกต่างกันได้

หากคุณต้องการรวมการช็อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน BigCommerce มีตัวเลือกการผสานการทำงานกับ POS ชั้นนำ รวมถึง Square, Vend, Clover และอื่น ๆ ช่วยให้คุณสามารถซิงค์จำนวนสินค้าคงคลังของคุณและให้ลูกค้าของคุณเข้ามาเลือกซื้อได้จากหน้าร้าน

คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปเพิ่มเติมของ BigCommerce มากกว่า 1,000 แอป (มีแอปฟรี) ซึ่งมีแอปสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดการการจัดส่งและคำสั่งซื้อ ไปจนถึงการตลาดและการวิเคราะห์

ราคา

อย่างที่คุณอาจเดาจากจำนวนฟีเจอร์ที่บริการนำเสนอ BigCommerce ไม่ได้มีราคาที่ถูก แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อเสนอต่าง ราคาของ BigCommerce นั้นสมเหตุสมผลมาก ที่จริงแล้ว BigCommerce มีโครงสร้างการกำหนดราคาที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน โดยแต่ละแผนมีต้นทุนใกล้เคียงกับแผน Shopify ที่คล้ายกัน

อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างระหว่าง BigCommerce และ Shopify อยู่ เช่น ฟีเจอร์กู้คืนรถเข็นที่ถูกละทิ้งในแผนราคาถูกที่สุด ในขณะที่ BigCommerce ต้องอัปเกรดเป็นแผน Plus ระดับกลางเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้ ในทางกลับกัน BigCommerce ให้คุณมีบัญชีพนักงานไม่จำกัดตั้งแต่เริ่มต้น ในขณะที่ Shopify จำกัดคุณไว้ที่ 2, 5 หรือ 15 บัญชี ขึ้นอยู่กับแผนของคุณ

แต่สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ BigCommerce คือ การที่บริการไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพิ่มเติม ซึ่งแตกต่างจาก Square Online และ Shopify (Shopify ยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหากคุณใช้ Shopify Payments) สิ่งนี้ทำให้ BigCommerce เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากคุณมีผลิตภัณฑ์ที่ต้องการขายจำนวนมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมจะเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ BigCommerce ยังนำเสนอการทดลองใช้งานฟรี 15 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานเพื่อให้คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจได้

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้และสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจ

ก่อนที่จะทำโปรเจคนี้ ฉันไม่ได้คิดถึงว่าเครื่องมือสร้างเว็บไซต์จะมีความต่างกันมากขนาดนี้ ขั้นตอนการทดสอบนี้แสดงให้ฉันเห็นว่ามันมีความแตกต่างมากเท่าไหร่และคุณต้องการเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ถูกต้องมากแค่ไหนเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณในฐานะเครื่องมือสร้างเว็บไซต์และสำหรับผู้เข้าชม

สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจที่สุดก็คือการได้เห็นการแลกเปลี่ยนความยืดหยุ่นในการออกแบบและปัจจัยอื่น ๆ ในการทำงาน โดยทั่วไปเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่นำเสนอความยืดหยุ่นอย่างมากเช่น Wix จะใช้เวลาในการสร้างนานขึ้นและมีความเร็วในการโหลดหน้าเว็บที่ช้าลง ในขณะที่เครื่องมือที่จำกัดตัวเลือกของคุณจะทำให้การสร้างเว็บไซต์นั้นเร็วขึ้นและรับประกันว่าจะมีการออกแบบที่ดี (เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเลย์เอาต์ของคุณเอง)

หลังจากทดสอบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์จำนวนมากและสร้างเว็บไซต์จริง นี่คือคำแนะนำหลักที่ฉันจะมอบให้กับผู้ที่ตัดสินใจเลือกเครื่องมือสร้างเว็บไซต์:
  • รู้เป้าหมายเว็บไซต์ของคุณล่วงหน้า คุณต้องการขายสินค้าหรือเปิดบล็อก หรือทั้งสองอย่าง วิธีนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม เนื่องจากผู้ให้บริการแต่ละรายมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน เลือกใช้แบบที่ยืดหยุ่นกว่าหากคุณไม่แน่ใจ
  • ราคาถูก (หรือฟรี) ไม่ดีกว่าเสมอไป เครื่องมือสร้างเว็บไซต์บางรายมีความคุ้มค่าที่มากกว่า แต่โดยรวมแล้วคุณจะได้รับสิ่งที่คุณจ่ายไป คุณและผู้เยี่ยมชมจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นหากคุณยินดีจ่ายเพื่อใช้งาน
  • การใช้แบบที่สร้างไว้ล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เครื่องมือสร้างเว็บไซต์จำนวนมากต้องการให้คุณรู้ว่าคุณมีความยืดหยุ่นสูง แต่การปรับแต่งแบบจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะทำให้มันแย่ลงอย่างรวดเร็ว หากคุณรู้ว่าคุณไม่ฝีมือด้านการออกแบบ เลือกเครื่องมือสร้างที่มีคำแนะนำในตัวเช่น Squarespace มันจะมีประโยชน์ต่อคุณมากจริง ๆ

มีการตั้งค่าส่วนตัวจำนวนมากที่ต้องทำในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ดังนั้นให้คิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะซื้อบริการ หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการตัดสินใจ โปรดอ่านรีวิวที่ครอบคลุมของเราเกี่ยวกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แต่ละรายการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

คำถามที่พบบ่อย

การสร้างเว็บไซต์ของตัวเองหรือจ้างนักออกแบบเว็บไซต์ แบบไหนดีกว่ากัน

เมื่อฉันเรียนรู้จากการทดสอบการสร้างเว็บไซต์ของฉัน การสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวคุณเองมันทำได้ค่อนข้างง่าย- แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบ! เมื่อคุณสร้างเว็บไซต์ของคุณเอง คุณจะประหยัดเงินในการจ้างนักออกแบบและสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้มากเท่าที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องส่งกลับไปกลับมากับนักออกแบบเพื่อแก้ไข อย่างไรก็ตามการสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวคุณเองอาจใช้เวลานานขึ้นและถูกจำกัดโดยตัวเลือกการปรับแต่งของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่คุณเลือก

หากคุณจ้างนักออกแบบคุณจะพบว่าตัวเองจ่ายเงินมากเกินไปสำหรับเวลาและประสบการณ์ของพวกเขา (แม้ว่าคุณสามารถใช้ Fiverr เพื่อค้นหาตัวเลือกที่ไม่แพง) แต่คุณจะได้รับผลงานจากมืออาชีพที่น่าทึ่ง การออกแบบที่ไม่เหมือนใครสำหรับคุณ

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ดีที่สุดคืออะไร

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน – บางตัวเลือกจำกัดจำนวนหน้าที่คุณสามารถสร้างได้เพียงแค่ไม่กี่หน้า ในขณะที่บางตัวเลือกอื่นจำกัดจำนวนพื้นที่เก็บข้อมูล แต่บริการเกือบทั้งหมดแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบการประเมินของเราเกี่ยวกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ดีที่สุดเพื่อดูว่าบริการไหนที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ

แผนการสร้างเว็บไซต์ควรราคาเท่าไหร่

แผนเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบชำระเงินมีหลากหลายขึ้นอยู่กับระดับของแผนและฟีเจอร์ที่นำเสนอ ในระหว่างการทดสอบนี้มีราคาเริ่มต้นที่ $4 สำหรับแผนส่วนบุคคลจนไปถึง $50 สำหรับแผนธุรกิจระดับพรีเมียม (นอกจากนี้ยังมีแผนระดับองค์กรที่มีราคาหลายร้อยดอลล่าร์)

โดยเฉลี่ยแล้วแผนยอดนิยมจะอยู่ระหว่าง $12- $25 ต่อเดือน หากคุณซื้อแผนรายปี การจ่ายเงินล่วงหน้าหนึ่งปีจะช่วยให้คุณประหยัดเงินโดยรวม แต่จะต้องชำระเงินมากขึ้นในตอนแรก

อย่าพลาดคำแนะนำด้านราคา Wix ที่ดีที่สุดของเรา

คุณควรอัปเกรดเป็นแผนสร้างเว็บไซต์แบบชำระเงินเมื่อใด

คุณควรอัปเกรดเป็นแผนชำระเงินทันทีที่คุณต้องการโดเมนที่กำหนดเองเพื่อเริ่มสร้างแบรนด์และ SEO ออนไลน์ เครื่องมือสร้างไซต์ทุกรายในรายการนี้ต้องใช้แผนการชำระเงินเพื่อเชื่อมต่อโดเมนที่กำหนดเอง ด้วยแผนชำระเงินโดยทั่วไปบริการจะนำโฆษณาในตัวออก ซึ่งสามารถช่วยเรื่องภาพลักษณ์แบรนด์ของคุณได้

หากคุณไม่มีความต้องการเร่งด่วนสำหรับโดเมนที่กำหนดเองการอัปเกรดเป็นแผนชำระเงินจะขึ้นอยู่กับความต้องการของเว็บไซต์ของคุณและเครื่องมือสร้างที่คุณเลือกเป็นส่วนใหญ่ ทันทีที่เว็บไซต์ของคุณมีต้องการมากกว่าที่แผนฟรีนำเสนอ คุณควรอัพเกรด – แต่นั่นคือเมื่อคุณต้องการมากกว่า 5 หน้าใน Jimdo หรือเมื่อคุณต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่า 500 MB ใน Wix

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบลากแล้ววางคืออะไร

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบลากและวางหมายถึงความสามารถในการเพิ่มและย้ายองค์ประกอบของเว็บไซต์ได้ทุกที่บนหน้าเว็บเพียงแค่คลิกด้วยเมาส์ของคุณและลากไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการ มันแตกต่างจากเครื่องมือแก้ไขแบบบล็อกซึ่งมีตัวเลือกมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถวางบนเว็บไซต์และตำแหน่งที่คุณต้องการ

ฉันจะไปเอาชื่อโดเมนของฉันได้ที่ไหนและอย่างไร

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะนำเสนอชื่อโดเมนฟรีพร้อมการสมัครสมาชิกแบบรายปีสำหรับแผนชำระเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดในการรับชื่อโดเมนของคุณ คุณสามารถค้นหาชื่อโดเมนจากผู้รับจดทะเบียนโดเมนหรือผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง อ่านคู่มือของเราเพื่อเลือกชื่อโดเมนหากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
อ่านบทความนี้
4.8 ได้รับการโหวตให้คะแนนโดย 196 ผู้ใช้
ต้องระบุข้อมูลในฟิลด์นี้ Maximal length of comment is equal 80000 chars ความยาวน้อยที่สุดของความคิดเห็นเท่ากับ 10 ตัวอักษร

เราดีใจมากที่คุณ อบ

แบ่งปันให้กับเพื่อนของคุณ!

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อันดับ #1image

สร้างเว็บไซต์ของคุณฟรี

เลือกชม 900+ เทมเพลตที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่