เนื้อหาในบทความ
วิธีการติดตั้ง WordPress บน SiteGround
เมื่อคุณเข้าสู่ระบบบน SiteGround ครั้งแรก คุณสามารถใช้งาน Setup Wizard ได้ แต่หากคุณไม่ต้องการตั้งค่าเว็บไซต์ WordPress ทันที คุณก็สามารถข้ามไปก่อนแล้วค่อยมาตั้งค่าเมื่อเข้าสู่ระบบครั้งถัดไปก็ได้ – เพียงแค่คลิกที่ลิงก์ด้านล่างของหน้าเพจนั้น คุณสามารถเลือกเปิดเว็บไซต์ใหม่ ย้ายข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้ว หรือตั้งค่า WordPress ด้วยตัวเอง ขั้นแรก ผมจะให้ดูวิธีการติดตั้ง WordPress ผ่าน wizard:
เมื่อคุณเลือก ‘Start a new website’ คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการใช้ CMS (Content Management System) แบบใด:
เลือก WordPress จากนั้นคุณก็จะต้องกรอกข้อมูลพื้นฐานที่คุณจะต้องใช้เข้าสู่บัญชีของคุณ เมื่อกรอกเสร็จแล้ว คลิก ‘Confirm’
นอกจากนี้ บนหน้ายืนยัน คุณจะต้องยืนยันว่าคุณต้องการ SG Site Scanner หรือไม่ต้องการ
เมื่อคุณคลิกปุ่ม ‘Confirm’ แล้ว คุณจะต้องยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้งาน (ซึ่งควรอ่านก่อนกดยอมรับ) และคลิกที่ ‘Complete Setup’ หลังจากนั้นก็จะเริ่มติดตั้ง WordPress (และ SG Site Scanner หากคุณเลือกไว้)
เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็นข้อความนี้ การติดตั้งใช้เวลาไม่นาน ตอนผมติดตั้งใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
คลิก ‘Proceed to Customer Area’.
ยินดีต้อนรับสู่แดชบอร์ดของคุณ:
คุณจะได้รับอีเมลยืนยันว่าสร้างเว็บไซต์ WordPress ของคุณแล้ว:
คุณสามารถเข้าสู่เว็บไซต์ WordPress ด้วยการคลิก ‘My Accounts’ บนแดชบอร์ด:
ใต้แท็บ ‘Installations’ คุณจะเห็นลิงก์ไปยังเว็บไซต์ WordPress คลิกที่ลิงก์เพื่อไปที่หน้าเว็บไซต์ของคุณหรือคลิกที่ ‘Go to Admin Panel’ เพื่อไปยังแดชบอร์ดสำหรับแอดมินของ WordPress
และหากนี่เป็นครั้งแรก คุณจะพบกับ Setup Wizard:
คลิกที่ ‘Start Now’
ขั้นตอนแรกคือการเลือกธีม:
If the template is tied to a certain website building tool, such as Elementor, the plugin will automatically be installed for you so that you get to keep the demo content. If you don’t want the plugin, click the orange ‘Selected’ button.
โปรดทราบว่าหากคุณเลือกไม่ติดตั้ง plugin คุณอาจจะได้รับเทมเพลตเปล่าๆที่ไม่มีรูปภาพหรือข้อความใดๆ:
บนหน้าจอถัดไป คุณสามารถเลือกติดตั้ง plugin ที่มีประโยชน์บนเว็บไซต์ของคุณ โดยคุณจะได้รับเวอร์ชันฟรีของ plugin ที่คุณเลือก
ในขั้นตอนสุดท้าย คุณสามารถเลือกติดตั้ง plugin ด้านการตลาดได้:
เมื่อคุณคลิกที่ ‘Complete’ แล้ว SiteGround จะติดตั้งทุกอย่างที่คุณเลือก ผมเลือกติดตั้ง plugin ทุกแบบเพื่อทดลองใช้และผมก็ประทับใจมากที่ใช้เวลาติดตั้งเพียง 30 วินาทีเท่านั้น:
เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับข้อความด้านล่าง และคุณก็สามารถคลิก ‘View Site’ เพื่อดูว่าคนที่เข้าชมเว็บไซต์เห็นเว็บไซต์อย่างไร หรือคลิกที่ ‘Go To Dashboard’ เพื่อไปยังส่วนของแอดมิน:
หากคุณเคยใช้ WordPress มาก่อน คุณจะเห็นว่ามันแตกต่างจากแดชบอร์ดมาตรฐานเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเพราะ plugin SG Optimizer ที่เชื่อมต่อเว็บไซต์ WordPress ของคุณกับคุณสมบัติการจัดการ WordPress ของ SiteGround
โปรดทราบว่า SiteGround จะสร้างและเผยแพร่โพสต์ 2 โพสต์บนเว็บไซต์ WordPress ของคุณโดยอัตโนมัติ:
ถึงแม้ว่าอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่โพสต์เหล่านี้จะถูกโพสต์บนเว็บไซต์ของคุณซึ่งหมายความว่าทุกคนที่เข้าเว็บไซต์ของคุณอาจจะเห็นโพสต์เหล่านี้
ผมไม่ชอบการกระทำแบบนี้ เพราะใครๆก็คงไม่อยากเห็นโพสต์โปรโมตแบบนี้บนบล็อกของตัวเอง นอกจากนี้มันอาจจะส่งผลต่ออันดับบนเสิร์ชเอ็นจินของคุณด้วย เนื่องจากมีคำที่ตรงกับคำที่กำหนดไว้ ดังนั้นควรลบเพจทั้งสองเพจนี้ทันที
เชื่อมต่อโดเมนบน SiteGround
คุณสามารถดูวิธีการหา nameservers ของ SiteGround ได้จากอีเมล onboarding ต่างๆ:
นอกจากนี้ยังมีลิงก์ไปยังวิดีโอสอนการใช้งาน แต่วิดีโอนี้เน้นไปที่วิธีการจัดการกับอีเมลที่เชื่อมกับโดเมน SiteGround ไม่มีวิดีโอสอนใช้งานเกี่ยวกับการเปลี่ยนการตั้งค่า DNS ด้วยตัวช่วยลงทะเบียนเฉพาะอย่าง GoDaddy
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องเอกสารก็ถือว่าเป็นกระบวนการที่สะดวก เพราะสิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่เปลี่ยน nameservers ที่คุณลงทะเบียนเป็น nameservers ของ SiteGround ที่ให้มาในอีเมล และที่เหลือทางบริษัทก็จะจัดการให้
นอกจากนี้ SiteGround ยังทำให้การย้ายโดเมนของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาเป็นเรื่องง่าย และการดำเนินการด้านเอกสารต่างๆก็ไม่ยุ่งยาก
ไปที่ ‘Services’ บนแดชบอร์ดของคุณ:
จากนั้นก็เลื่อนลงไปที่ ‘Order Extras’ และคลิก ‘Get’ ข้างๆ ‘Domain Transfer’:
จากนั้นคุณจะพบกับหน้าการย้ายโดเมน (Domain Transfer) ตามรูปด้านล่าง โปรดทราบว่าการย้ายโดเมนไปยัง SiteGround นั้นมีค่าใช้จ่ายหากคุณเลือกใช้แพลนแบบ StartUp อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นคุณสามารถต่ออายุโดเมนได้ฟรีและคุณจะได้รับโดเมนส่วนตัวฟรีเป็นเวลาหนึ่งปี:
เมื่อคุณคลิก ‘Check Domain Status’ แล้ว SiteGround จะเริ่มย้ายโดเมนของคุณและจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะ
หลังจากนั้น สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่กรอกรหัส EPP ที่เชื่อมต่อกับโดเมนของคุณ (ซึ่งได้มาจากบริษัทรับลงทะเบียน) เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของอีเมลนั้น หากคุณไม่แน่ใจว่าทำอย่างไรคุณสามารถดูได้ที่คู่มือ
การตั้งค่า SSL Certificate และ CDN
SiteGround จะไม่เปิดใช้งาน SSL certificate หรือ CDN ให้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจะต้องตั้งค่าเองบน cPanel แต่ข่าวดีก็คือพนักงานบริการลูกค้าของ SiteGround จะตั้งค่า SSL certificate ของคุณและทำให้แน่ใจว่าบริการทั้งสองทำงานร่วมกันได้ แต่ข่าวร้ายก็คือขั้นตอนนี้ใช้เวลานานและถึงแม้ว่าผมจะทำทุกอย่างโดยได้รับความช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้าแล้วก็ยังใช้เวลาถึง 30 นาที ขั้นแรก หากคุณต้องการเข้าสู่แดชบอร์ดของ cPanel คุณจะต้องไปที่ ‘My Accounts’ และคลิกที่ปุ่ม ‘Go To cPanel’:el’ button:
คุณจะได้รับข้อความเด้งขึ้นมาถามว่าคุณต้องการเข้า cPanel อย่างปลอดภัยหรือไม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกอันไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่เราก็ขอแนะนำให้เลือกการเข้าแบบปลอดภัย:
เมื่อคุณคลิกที่ ‘Proceed’ แล้ว cPanel ก็จะเด้งขึ้นมาบนแดชบอร์ดของคุณ
หากคุณต้องการเข้าไปที่ CloudFlare เลื่อนลงไปที่ ‘Site Improvement Tools’ และคลิกที่ไอคอนรูป CloudFlare:
จากนั้นแผงการจัดการของ CloudFlare ก็จะเปิดขึ้นมา:
หากคุณคลิกที่ปุ่ม ‘Activate PLUS’ คุณสามารถเลือกแพลน CloudFlare แบบพรีเมียมได้:
ปุ่ม ‘Activate Free’ จะเปิดใช้งานเวอร์ชันฟรีที่มาพร้อมกับการโฮสต์ของ SiteGround และคุณจะต้องกรอกอีเมลในหน้าต่างที่เด้งขึ้นมาจากนั้นก็คลิก ‘Proceed’:
จากนั้นจะมีกล่องข้อความเด้งขึ้นมาเพื่อเตือนว่าเว็บไซต์ของคุณจะต้องสามารถเข้าได้ผ่าน ‘www’ ถึงจะใช้งานได้ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะถึงจะไม่ได้ CloudFlare และ SiteGround ก็จะตั้งค่าให้ถูกต้องโดยอัตโนมัติ:
ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี CloudFlare ก็จะถูดเปิดใช้งานและตัวเลือกสำหรับเปิดใช้งานก็จะเปลี่ยนเป็นตัวเลือกสำหรับการจัดการ หรือ ‘Manage’:
และคุณก็จะได้รับอีเมลนี้:
อีเมลต้อนรับนี้จะให้คุณตั้งค่ารหัสผ่านสำหรับบัญชี CloudFlare ของคุณ
โปรดทราบว่าหากคุณเปิดใช้งาน SSL เว็บไซต์ของคุณอาจจะใช้งานไม่ได้จนกว่าจะเผยแพร่ SSL certificate เสร็จ พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าที่ช่วยเหลือผมเตือนว่าขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็ม แต่จริงๆแล้วใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น
แต่หากมันใช้เวลานานกว่านั้น คุณสามารถหยุด CloudFlare CDN ชั่วคราวด้วยการเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณบนเว็บไซต์ CloudFlare
ถึงแม้ว่าพนักงานฝ่ายบริการลูกจะติดตั้ง SSL Certificate ให้ผม แต่ผมจะแสดงวิธีการติดตั้งให้คุณดู โดยคุณจะต้องมองหาไอคอน ‘Let’s Encrypt’ ใต้ ‘Security’ บน cPanel:
โปรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกโดเมนที่ถูกต้องจากนั้นคลิกที่ปุ่ม ‘Install’:
ตอนนี้คุณก็มีเว็บไซต์ WordPress ที่ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบและมี CDN กับการเข้าถึง HTTPS ที่ปลอดภัย

![คลาวด์โฮสติ้ง Microsoft Azure Pricing [2025]: คุ้มค่าแค่ไหน](https://dt2sdf0db8zob.cloudfront.net/wp-content/uploads/2022/05/WH-Pricing-850x446.jpg)
![คลาวด์โฮสติ้ง Microsoft Azure Pricing [2025]: คุ้มค่าแค่ไหน](https://dt2sdf0db8zob.cloudfront.net/wp-content/uploads/2022/01/Mike-150x150.jpeg)
![เว็บโฮสติ้งและชื่อโดเมนคืออะไร? [2025]](https://dt2sdf0db8zob.cloudfront.net/wp-content/uploads/2022/05/WH-general1-850x446.jpg)










![วิธีการสร้างอีเมลเพื่อธุรกิจใน 4 ขั้นตอนง่าย ๆ [2025]](https://dt2sdf0db8zob.cloudfront.net/wp-content/uploads/2021/06/How-to-Set-Up-Your-Business-Email-in-4-Simple-Steps-850x435.jpg)