มีฟีเจอร์อะไรบ้างที่ค่อนข้างดี
การมุ่งเน้นที่การตลาดอีคอมเมิร์ซของ Drip ได้นำไปสู่การสร้างเครื่องมือแก้ไขอีเมลที่ค่อนข้างดี (ปัจจุบันมีให้บริการในภาษาอังกฤษเท่านั้น) ฟีเจอร์การจัดการสมาชิกติดตามรับข้อมูลข่าวสารที่เหมาะสม และชุดเวิร์กโฟลว์ระบบทำงานอัตโนมัติที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ คุณก็รู้ว่ามีคือการผสานรวมอีคอมเมิร์ซที่แน่นแฟ้น
น่าเสียดายที่แทบไม่มีเทมเพลตให้เลือกเลย และไม่มีเครื่องมือสร้างหน้าแลนดิ้งเพจด้วยเช่นกัน
นั่นแหละคือประเด็น: ทางบริการ Drip เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นไปทางเดียวอย่างมาก โดยมีปรัชญาแบบ DIY เล็กน้อย อาจไม่เป็นไรสำหรับบางคน แต่อาจเป็นจุดตัดสินใจไม่เลือกใช้งานสำหรับคนอื่นๆ
แคมเปญอีเมล เทมเพลต และการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
ตัวเลือกการเผยแพร่แคมเปญอีเมลของ Drip นั้นเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถส่งอีเมลฉบับเดียวออกไปได้หาหลายๆคนได้ สามารถทำการสร้างชุดอีเมลที่จะคอยทำการส่งเมื่อเวลาผ่านไป หรือสร้างแคมเปญที่เป็นไปตามขั้นตอนระบบการทำงานอัตโนมัติเฉพาะ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง)
คุณยังสามารถส่งแคมเปญของคุณผ่านทาง SMS ได้ ตราบใดที่คุณใช้งานแผนแบบชำระเงินใดก็ได้ การเผยแพร่โซเชียลมีเดียล่าสุดของคุณผ่านจดหมายข่าวน่าจะง่ายที่สุดผ่านการผสานการทำงานกับบุคคลที่สาม อย่างเช่น Zapier
การออกแบบอีเมลมีสองแบบ: ข้อความธรรมดาและรูปแบบตกแต่งหลายๆอย่าง และเทมเพลตภาพที่สวยงามดูดีมาก เทมเพลตเหล่านี้ดูทันสมัย น่าดึงดูด และก็อยากจะลองพิจารณาดูว่าสวยที่ว่านี่สวยแค่ไหน
น่าเสียดายที่หาได้เพียง 7 เทมเพลตที่สร้างไว้แล้วล่วงหน้า และส่วนที่เหลือเป็นเพียงเฟรมเวิร์กพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นสร้างเทมเพลตของคุณเองได้
เอาจริงๆนะ ไม่สนใจที่หรอกว่าผู้ใช้สามารถทำการสร้างเทมเพลตแบบ DIY ด้วยตัวเอง โถ เราสามารถไปเลือกใช้เทมเพลตเริ่มต้นที่มีมาให้แล้วเยอะมากๆ อย่าง AWeber ที่มีเทมเพลตอีเมลกว่า 700+ เทมเพลต1
เทมเพลตทั้งหมดดูดี แต่ทั้งหมดนั้นคือตัวเลือกที่มี 1
โชคดีที่เครื่องมือแก้ไขเทมเพลตช่วยแก้ปัญหา (เล็กๆน้อยๆ) ให้กับเทมเพลตโดยเป็นหนึ่งในเครื่องมือแก้ไขเทมเพลตที่ดีกว่าที่เคยใช้มา คุณสามารถสร้างเลย์เอาต์ที่ค่อนข้างซับซ้อนได้ (สำหรับอีเมล) และเพิ่มรูปภาพ ข้อความ ปุ่ม และลิงก์โซเชียลตามปกติ
คุณยังสามารถปรับแต่งการออกแบบโดยรวมของอีเมล ซึ่งรวมถึงรูปแบบและขนาดฟอนต์เริ่มต้น สี ลักษณะปุ่ม และความกว้างของเค้าโครงโดยรวม เทมเพลตทั้งหมดที่คุณสร้างจะตอบสนองได้ดีกับมือถือ และคุณสามารถดูตัวอย่าง/แก้ไขเทมเพลตเวอร์ชั่นมือถือได้ในขณะที่คุณสร้าง
ตัวแก้ไขเทมเพลตนั้นค่อนข้างดี สามารถสร้างเลย์เอาต์ที่ซับซ้อนได้ 1
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกแบบอักษรที่เหมาะสมสำหรับโปรแกรมแก้ไขอีเมลอีกด้วย เคยเห็นคู่แข่งที่มีตัวเลือกแบบอักษรน้อยกว่านี้มาก นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเครื่องมือแก้ไขจะรองรับภาษาที่อ่านจากขวาไปซ้าย (RTL) อย่างเช่น ภาษาฮีบรูและอารบิก อย่างน้อย มันก็ใช้งานได้ในระดับหนึ่งเมื่อลองคัดลอกและวางอักขระฮีบรูบางตัวเข้าไป
คุณสามารถปรับแต่งอีเมลสำหรับลูกค้าของคุณได้สองวิธี วิธีแรก คุณสามารถใช้ตัวแปรต่างๆเพื่อป้อนชื่อสมาชิก ที่อยู่อีเมล ตำแหน่งที่ตั้ง อื่นๆที่กำหนดเอง และอีกมากมาย ของสมาชิกแต่ละคนได้ จากนั้นคุณสามารถเพิ่มข้อมูล เช่น ที่อยู่ธุรกิจของคุณ ชื่อของแคมเปญอีเมล ลิงก์ยกเลิกการสมัคร (ค่อนข้างสำคัญเลย) และ URLs สำหรับตัวเลือก “ดูในเบราว์เซอร์” และตัวเลือกอื่นๆอีกมากมาย
วิธีที่สอง คุณสามารถสร้างตัวอย่างเนื้อหาแบบกำหนดเองที่สามารถใช้ได้ในอีเมลต่างๆ เพื่อกรอกเนื้อหาที่จำเป็นต้องทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวชอบฟีเจอร์นี้ทุกครั้งที่เจอ
เมื่อคุณสร้างเทมเพลตและแคมเปญแล้ว คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการทดสอบ A/B (หรือการแยกการทดสอบ) อีเมลของคุณก่อนที่จะส่งไปหาผู้ติดต่อทุกคน การทดสอบ A/B หมายถึงการส่งอีเมลสองเวอร์ชั่นขึ้นไปไปยังผู้คนสองกลุ่ม เพื่อดูว่าอีเมลใดทำงานได้ดีกว่ากับผู้ติดต่อของคุณ
คุณสามารถแยกการทดสอบทุกอย่างตั้งแต่เลย์เอาต์อีเมล ไปจนถึงเนื้อหาข้างในที่แตกต่างกันเล็กน้อย ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงแบบเฉดสีนิดหน่อย วิธีนี้จะช่วยให้คุณค้นพบวิธีที่ผู้อ่านมีส่วนร่วมกับอีเมลคุณได้ดีที่สุด
Drip ช่วยให้คุณสามารถแยกการทดสอบทั้งหัวเรื่องและเนื้อหาของอีเมล การทดสอบแยกนี้ค่อนข้างดีเลย – เพราะบริการจำนวนมากจะอนุญาตให้คุณทำการทดสอบแยกแค่ในส่วนของหัวเรื่องเท่านั้น ส่วนตัวแล้วต้องการอะไรที่มากกว่าการทดสอบแยก ดังนั้นดีใจมากที่พบว่า Drip มีอะไรให้เยอะแยะเลย
Drip ทำให้การทดสอบ A/B (หรือการทดสอบแยก) เป็นเรื่องง่าย และคุณสามารถทำได้สำหรับทุกแคมเปญ 1
โดยรวมก็คือ ประสบการณ์ส่วนตัวในการออกแบบอีเมลด้วย Drip นั้นง่ายและสะดวก และก็เกือบจะชอบมันแล้ว ถ้าไม่ขาดไปในส่วนของเทมเพลตเริ่มต้นที่ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ แต่ถ้าคุณชอบทำการออกแบบด้วยตัวเอง Drip ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
รายการส่งอีเมลและการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ
คุณสามารถเพิ่มผู้ติดต่อลงในรายการส่งอีเมลคุณทีละคน ทำการคัดลอกและวางที่อยู่จำนวนมาก หรือนำเข้าจากไฟล์ CSV หรือนำเข้าจาก Mailchimp ได้โดยตรงหากคุณมีบัญชีของทางบริการ
โปรดทราบว่าคุณไม่สามารถ นำเข้าผู้ติดต่อที่มาจากสกุลไฟล์รูปแบบอื่น เช่น ข้อความหรือไฟล์ Excel ที่ Website Planet ของเราถือว่าการไม่รองรับไฟล์ Excel นั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ และทำการหักคะแนน เยอะเลย
Drip มีวิธีนำเข้าผู้ติดต่อสองสามวิธี แต่ไม่ใช่จากไฟล์ Excel 1
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ชอบว่ามีอะไรบ้าง ไม่เพียงแต่คุณจะสามารถใส่ข้อมูลในทุกคอลัมน์ทั้งหมดในไฟล์ CSV ของคุณกับฟิลด์ใดฟิลด์หนึ่งเท่านั้น แต่คุณยังสามารถเพิ่มแท็กและดำเนินการทำงานอัตโนมัติอื่นๆ ในการนำเข้าได้อีกด้วย เดี๋ยวเราจะเจาะลึกเกี่ยวกับระบบการทำงานอัตโนมัติในหัวข้อถัดๆไป
คุณสามารถดำเนินระบบการทำงานอัตโนมัติกับข้อมูลผู้สมัครรับข่าวสารของคุณได้ที่การนำเข้า 1
คุณสามารถเพิ่มหรือค้นหาข้อมูลทุกประเภทในโปรไฟล์ของสมาชิกแต่ละราย รวมถึงชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และวิธีเพิ่มที่อยู่ของพวกเขาลงในระบบ คุณยังดูได้ว่าพวกเขายินยอมให้คุณใช้ข้อมูลตามกฎของสหภาพยุโรปหรือไม่
โปรดทราบว่าคุณจะต้องรับข้อมูลเหล่านั้นผ่านการกรอกข้อมูล อย่างแบบฟอร์มลงทะเบียนเป็นต้น จากนั้นคุณสามารถเพิ่มแท็ก รวมทั้งฟิลด์ที่กำหนดเองสำหรับความเป็นไปได้ในการเรียงลำดับผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม
เมื่อพูดถึงการจัดเรียงผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารของคุณ คุณสามารถใช้เมนูหลักเพื่อดูว่าผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารรายใดของคุณใช้งานอยู่ ซึ่งไม่ได้ใช้งาน และจัดเรียงตามแท็กหรือฟิลด์ต่างๆ
การดูรายชื่อผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารที่ใช้งานอยู่ของคุณใช้เวลาเพียงแค่คลิกสองคลิกเท่านั้น 1
การเรียงลำดับเพิ่มเติมทำได้โดยใช้ตัวกรองที่อยู่ด้านบนของหน้า “ผู้คน” จากนั้นคุณสามารถเชื่อมโยงตัวกรองเข้าด้วยกันเพื่อดู ตัวอย่างเช่น รายชื่อผู้คนในประเทศไทยที่เปิดอีเมลล่าสุดของคุณ และตั้งค่าไว้ในฟิลด์ที่กำหนดเองในประเภท “ice_cream”
ระบบการกรอง/การแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อนั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ 1
เมื่อคุณเชื่อมโยงตัวกรองเหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณสามารถบันทึกเป็น “กลุ่มผู้ติดต่อต่างๆ” ได้ กลุ่มผู้ติดต่อคือรายการผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารแบบอัปเดตใหม่ตลอดที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวอย่างเช่น หากคุณบันทึกกลุ่มตัวกรองด้านบนเป็นกลุ่มๆ คุณสามารถดูได้เสมอว่าสมาชิกรายใดชอบอีเมลของคุณ ที่เป็นคนอาศัยอยู่ในประเทศไทย และต้องการทานไอศกรีม
อาจจะพบว่าผู้สมัครรับข่าวสารเป็นคนไทยทุกคนในประเทศไทย ใครบ้างจะไม่ชอบไอติมถูกไหม
การแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้คุณส่งอีเมลที่ตรงกับความสนใจของผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้การแบ่งกลุ่มรายชื่อยังมีประโยชน์ในระบบทำงานอัตโนมัติอีกด้วย ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมต่อไปด้านล่าง
สิ่งสำคัญคือการรักษารายชื่อผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารของคุณให้ดี คุณไม่ต้องการให้ผู้ที่ไม่ได้โต้ตอบกับอีเมลของคุณอยู่ในรายการ เพราะพวกเขาจะนับรวมอยู่ในขีดจำกัดจำนวนผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารของคุณและเนื่องจากผู้ที่ไม่ต้องการอีเมลของคุณอีกต่อไปอาจมีแนวโน้มที่จะแจ้งว่าอีเมลของคุณเป็นสแปมได้
โชคดีที่ Drip ทำให้การทำงานง่ายต่อการระบุผู้ติดต่อที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่มีส่วนร่วมต่ออีเมล และยกเลิกการสมัครรับข้อมูลข่าวสารหรือลบออกจากระบบของคุณด้วยการดำเนินการพร้อมกันหลายผู้ติดต่อ (ซึ่งค่อนข้างหลากหลาย)
แต่ตอนนี้เรามาที่รายการปราบปรามกัน นี่คือสิ่งที่คุณต้องการเมื่อคุณมั่นใจจริงๆว่าจะไม่ส่งอีเมลใดๆไปยังผู้ติดต่อรายนั้นอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วจะใช้รายการนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสแปมในบางประเทศ แต่คุณอาจทำได้หากคุณไม่ชอบบุคคลนั้น มั้งนะ
ในบริการ Drip ไม่มีอะไรติดป้ายว่านี่เป็น “รายการปราบปราม” แต่คุณสามารถ “ปิดใช้งาน” รายชื่อติดต่อทั้งแบบทีละรายการและเป็นกลุ่มได้ ซึ่งก็เรียกได้ว่ามันคือสิ่งเดียวกัน
โดยรวมแล้ว ระบบการจัดการและคัดแยกรายชื่อของ Drip นั้นได้รับการปรับปรุงและทำงานได้อย่างดี ให้ผ่านเลย
แลนดิ้งเพจ
ปกติเวลารีวิวเราจะทำการตรวจสอบฟีเจอร์หน้าแลนดิ้งเพจนี้ แต่ทางบริการไม่มีให้ใช้
บอกตามตรงเลยนะ บริการทำการตลาดผ่านอีเมลรายใหญ่ส่วนใหญ่มีฟีเจอร์นี้เพราะเหตุผลบางอ่าง คนเราต้องการวิธีง่ายๆ ในการโฆษณาจดหมายข่าว และหน้าแลนดิ้งเพจก็สามารถช่วยได้ ขอโทษที่ต้องบอกว่า Drip ไม่ได้มีหน้าแลนดิ้งเพจให้ใช้บริการ
หากคุณต้องการตัวเลือกแพลตฟอร์มทำการตลาดผ่านอีเมลอื่นที่มีฟีเจอร์นี้ ดู ActiveCampaign ซึ่งอยู่ที่ลิสต์ด้านบนสุดของรายการรีวิวบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่ดีที่สุดใน 2024 ด้วยเหตุผลบางประการ
ระบบทำงานอัตโนมัติ
ระบบทำงานอัตโนมัติเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้การทำการตลาดผ่านอีเมลมีความน่าเบื่อน้อยกว่าที่เคยเป็นมามาก จริงๆแล้ว ทางบริการจะให้คุณตั้งค่ากระบวนการและแคมเปญอีเมลที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถปล่อยให้แคมเปญเหล่านี้ทำงานเองได้
Drip เรียกระบบทำงานอัตโนมัติว่า “เวิร์กโฟลว์” และมีประโยชน์มาก สมมติว่ามีคนสมัครใช้งานคอสเรียนผ่านอีเมลของคุณ เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสามารถส่งอีเมลต้อนรับให้พวกเขาทันที จากนั้นจึงส่งอีเมลถัดไปในหลักสูตรสัปดาห์ละครั้ง ทุกสัปดาห์ จนกว่าคอสเรียนจะเสร็จสิ้น และคุณไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการสร้างอีเมลในตอนเริ่มแรก
เวิร์กโฟลว์อื่นๆอาจเกี่ยวข้องกับการส่งอีเมลเตือนความจำไปยังผู้ที่ละทิ้งตะกร้าสินค้าในร้านค้าออนไลน์ของคุณ อีกคนอาจส่งอีเมลเกี่ยวกับข้อเสนอเครื่องใช้ในครัวของคุณไปยังสมาชิกที่ซื้อเครื่องทำไอศกรีมจากร้านค้าของคุณ
บอกตามตรงเลยว่า ระบบทำงานอัตโนมัติของ Drip เป็นการทำงานที่เน้นอีคอมเมิร์ซจริงๆ คุณสามารถใช้ร้านค้าของคุณเพื่อช่วยจัดการและจัดเรียงผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสารของคุณ เพื่อบอกคุณว่าใครที่สนใจในสิ่งที่คุณขายมากกว่า และเพื่อเรียนรู้ว่าพวกเขาชอบผลิตภัณฑ์ใด แต่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆหลายเจ้า ก็สามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน
เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้น Drip มีเทมเพลตระบบการทำงานอัตโนมัติเกือบ 50 แบบให้เลือก ซึ่งรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่การยกเลิกการสมัครรับข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้ติดต่อที่อีเมลใช้ไม่ได้ ไปจนถึงอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งสำหรับร้านค้าหลายแห่ง ไปจนถึงอีเมลต้อนรับสำหรับการซื้อของครั้งแรก
Drip มีเทมเพลตการทำงานอัตโนมัติเกือบ 50 แบบ 1
เช่นเดียวกับเครื่องมือแก้ไขระบบทำงานอัตโนมัติที่ดีที่สุดสำหรับการตลาดผ่านอีเมล ระบบทำงานอัตโนมัติและโปรแกรมแก้ไขเวิร์กโฟลว์ของ Drip ดูเหมือนซอฟต์แวร์การทำมายด์แมปปิ้ง ซึ่งช่วยให้เห็นภาพกระบวนการที่ผู้ใช้ต้องเผชิญได้ง่ายขึ้นเมื่อแต่ละเวิร์กโฟลว์ถูกกระตุ้นการทำงาน
ตัวแก้ไขระบบการทำงานอัตโนมัติของ Drip ทำให้สิ่งต่างๆ เรียบง่ายและเรียนรู้ในการใช้งานได้ง่าย 1
ส่วนตัวแล้วพอใจกับฟีเจอร์ระบบทำงานอัตโนมัติของ Drip เป็นอย่างมาก อาจไม่ได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเจ้าอื่นๆอย่างแน่นอน
ฟีเจอร์อื่นๆเพิ่มเติม
ความพิเศษสุดเจ๋งจากบริการ Drip รวมถึงเครื่องมือต่างๆ เช่น ตัวสร้างแบบฟอร์ม คุณสามารถสร้างแบบฟอร์มสมัครรับจดหมายข่าวสำหรับแคมเปญและเวิร์กโฟลว์ของคุณ จากนั้นจึงฝังลงในเว็บไซต์ของคุณ
แต่ฟีเจอร์พิเศษหลักคือระบบการผสานการทำงานของบุคคลที่สาม เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามอย่างมากในการผสานรวมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากนั่นคือจุดขายหลักทั้งหมดของ Drip ซึ่งการรวมการทำงานเข้ากับร้านค้า ทำขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้ดีกับบริการต่างๆโดยเฉพาะ Shopify , Magento, BigCommerce , และ WooCommerce , รวมทั้งบริการอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
แต่นอกเหนือจากนั้น คุณสามารถเชื่อมต่อกับบริการทั้งหมดกว่า 100 รายการ รวมถึงตัวเลือกที่ไม่ใช่อีคอมเมิร์ซ อย่างเช่น Facebook, Zapier, PayPal, Gravity Forms และอื่นๆอีกมากมาย และเราจะไม่นับว่าสามารถรวมบริการได้กี่รายการผ่าน Zapier คุณสามารถรวม Drip เข้ากับบริการต่างๆ กว่า 100 รายการ 1
สรุปแล้ว Drip มีชุดฟีเจอร์ที่แข็งแกร่ง แต่ก็มีบางอย่างที่ขาดหายไป เช่น เทมเพลตที่หลากหลายและตัวสร้างหน้าแลนดิ้ง ซึ่งนั่นจะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์โดยรวม ไม่ต้องพูดถึงการขาดการรองรับไฟล์ Excel อย่างไรก็ตาม บริการ Drip ทำได้ดีมาก